Chonburi Sponsored

ญาติผู้เสียชีวิตจาก “ไฟไหม้ผับชลบุรี” เตรียมลงพื้นที่ “เมาท์เท่นบีผับ”

Chonburi Sponsored
Chonburi Sponsored

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์

ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุ “ไฟไหม้ผับชลบุรี” เตรียมลงพื้นที่ “เมาท์เท่นบีผับ” ทำพิธีไว้อาลัย ครบรอบ 1 เดือน พร้อมทวงถามสาเหตุ

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ร้าน “เมาท์เท่นบีผับ”  ใน ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวม 23 ราย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(ผบช.สพฐ.ตร.)  นำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) พร้อมศูนย์พิสูจน์หลักฐาน2 (ศพฐ.2) ลงพื้นที่ “เมาท์เทนบีผับ” เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงหาสาเหตุของต้นเพลิง

ล่าสุดวันนี้ (4 กันยายน 2565) มีรายงานจาก ทนายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ว่า วันพรุ่งนี้ (5 กันยายน 2565) จะมีการนัดรวมตัวญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ “ไฟไหม้ผับชลบุรี” “เมาท์เท่นบีผับ” ครบรอบ 1 เดือน เพื่อไปยืนไว้อาลัยที่บริเวณร้านเกิดเหตุ รวมถึงจะมีการพูดถึงตัวเลขค่าเสียหายที่ยังไร้คำตอบ และไม่มีใครออกมารับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ทนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า ตนเองจะเดินทางพร้อมกับทุกคนด้วย ซึ่งจะมีการเปิดหลักฐานค่ารักษาพยาบาลของเหยื่อแต่ละคน รวมถึงต้องการทราบว่า ครบรอบการเกิดเหตุ 1 เดือนแล้ว เจ้าหน้าที่มีการสรุปได้หรือยังว่า ไฟไหม้เพราะอะไร?

สำหรับคดีเพลิงไหม้ร้าน “เมาท์เท่นบีผับ” นั้น พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 2 ในฐานะโฆษกตํารวจภูธรภาค 2 จะเป็นผู้ให้ข้อมูลความคืบหน้าในคดี ซึ่งเปิดเผยว่า ตำรวจมีการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามเร่งรัดการสืบสวนสอบสวน ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุ ตำรวจได้ยื่นขออนุมัติหมายจับ นายสมยศ และ นายพงษ์ศิริ เจ้าของ “เมาท์เท่นบีผับ” ในฐาน “กระทําโดยประมาทและการกระทํานั้น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและอันตรายสาหัส และร่วมกันตั้ง สถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 

Chonburi Sponsored
อำเภอ สัตหีบ

ช่วงประมาณรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 สัตหีบเป็นเพียงหมู่บ้านชายทะเล ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา หาของป่า และประมง การคมนาคมจะใช้ทางน้ำโดยเรือเมล์หรือเรือใบ ส่วนทางบกมีแต่ทางเกวียน ถนนไปชลบุรียังไม่มี ภูมิประเทศส่วนใหญ่ยังเป็นป่ารกทึบ การเดินทางระหว่างเมืองจึงใช้เรือเป็นหลัก ในหมู่บ้านสัตหีบ มีผู้ที่ชาวบ้านนับหน้าถือตามากอยู่คนหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า "ยายแจง" แกมีฐานะดีมี ที่ดิน เรือ สวน ไร่นามากมาย ตลาดสัตหีบ หนองตะเคียนและโรงเรียนสิงห์สมุทรรวมถึงบริเวณเขาแหลมเทียนอันเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือสัตหีบในปัจจุบันก็เคยเป็นของแก ต่อมา เมื่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ทรงฝึกภาคทะเลกับกองเรือและทรงพักที่อ่าวสัตหีบ ทรงเห็นว่าอ่าวสัตหีบเหมาะเป็นที่ตั้งหน่วยเรือ เพราะมีเกาะใหญ่น้อยช่วยกำบังคลื่นลม พระองค์จึงได้บอกถึงพระประสงค์ที่จะใช้บริเวณเขาแหลมเทียนเป็นที่ตั้งหน่วยทหารเรือ ยายแจงก็ยินดีที่จะถวายให้