- เผยแพร่ : 15/07/2022 13:43
เพจเฟสบุ๊ก โบราณนานมา ได้โพสต์ภาพและข้อมูลอัพเดตการบูรณะ “พระที่นั่งวิมานเมฆ” ด้วยภาพถ่ายดาวเทียม โดยระบุรายละเอียดว่า “พระที่นั่งวิมานเมฆ” มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่งดงามประณีตและได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวันตก สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ด้วยรูปแบบตะวันตกผสมผสานรูปแบบไทย ที่เรียกว่า “วิกตอเรีย”
แรกเริ่มพระที่นั่งองค์นี้นามว่า “พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์” สร้างขึ้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ณ เกาะสีชัง เมื่อปี 2435 ปัจจุบันที่เกาะสีชังยังคงเหลือฐานของพระที่นั่งเดิมเอาไว้ ใครไปเที่ยวแวะไปชมได้
พอเกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 รัชกาลที่ 5 โปรดให้รื้อถอน “พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์” และ “ตำหนัก” บางส่วน ไปสร้างไว้ในพระราชวังดุสิต เมื่อปี 2443 และสร้างเสร็จปี 2445 พระราชทานนามใหม่ว่า “พระที่นั่งวิมานเมฆ”
จนมาถึงปี 2525 ผ่านไป 80 ปี “พระที่นั่งวิมานเมฆ” ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ อันเป็นปีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี และได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับชมเมื่อ 2528
จนกระทั่งในปี 2559 “พระที่นั่งวิมานเมฆ” นั้นมีอายุการใช้งานเป็นเวลานาน 120 กว่าปี เกิดการทรุดตัวของอาคารทำให้ได้รับความเสียหาย จากนั้นในปี 2560 เกิดโครงการการปรับปรุงโครงสร้างชั้นใต้ดินของ “พระที่นั่งวิมานเมฆ” ขึ้น เป็นโครงการก่อสร้างกิจกรรมพิเศษในพระบรมวงศานุวงศ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง
งานปรับปรุง “พระที่นั่งวิมานเมฆ” เฉพาะส่วนงานโครงสร้างชั้นใต้ดิน ได้แก่ งานรื้อถอนพื้นพร้อมโครงสร้างพื้น ผนังก่ออิฐเดิม คาน-เสาคอนกรีต เสริมเหล็ก เสาเข็มไม้และงานระบบไฟฟ้า งานระบบสุขาภิบาล งานระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
ซึ่งการปรับปรุงจะต้องดําเนินการ ไปพร้อม ๆ กับงานรื้อถอน โดยใช้เหล็กเพื่อเสริมค้ำยันโครงสร้างเดิมไปพร้อม ๆ กัน เพื่อรับน้ำหนักตัวอาคารเดิมระหว่างจัดทําโครงสร้างใหม่ ตอกเข็ม STEEL MICRO PILE ขนาด 165.2 มม. รับน้ำหนักปลอดภัย 16 ตันต่อต้น ตอกแบบใช้อุปกรณ์เครื่องมือป้องกันการสั่นสะเทือน ดําเนินการดีดอาคาร 8 เหลี่ยม ขึ้น 30 เซนติเมตร พร้อมรื้อถอนโครงสร้างเดิมและจัดทําโครงสร้างใหม่
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2563 ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ D.M.ทวีตข้อความบิดเบือนผ่านทวิตเตอร์ว่า “รื้อพระที่นั่งวิมานเมฆ เรือนไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก คงไม่มีทางหาได้อีกแล้ว แบบนี้มีโทษอะไรไหมคะ”
ขณะที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดี มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส ก็ได้นำเรื่องนี้มาบิดเบือนต่อ โดยทวิตภาพอ้างว่าเป็นการก่อสร้างพระที่นั่งวิมานเมฆ และเปิดรับสมัครคนงานก่อสร้าง ทำให้ผู้ที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงเข้าใจผิด และวิจารณ์พาดพิงไปยังเบื้องสูง แต่ความจริงการก่อสร้างที่นายสมศักดิ์นำมาเผยแพร่ เป็นการก่อสร้าง”อ่างหยก” ซึ่งเป็นสระน้ำหน้าเรือนต้นในพระรางวังดุสิต ไม่ใช่รากฐานอาคารพระที่นั่งวิมานเมฆแต่อย่างใด