ศบค. ปรับพื้นที่ 77 จังหวัดสีเขียว เปิดผับ บาร์ ขายเหล้าได้ตามเวลา มอบ สมช.ดูกฎหมาย กำหนดเวลาชัดเจน ยกเลิกไทยแลนด์พาส
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เปิดเผยภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ โดยวันที่ 17 มิถุนายน มีผู้ติดเชื้อรายผู้ป่วยใหม่ จำนวน 1,967 ราย ถือว่ามีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เข้าสู่บรรยายกาศการกระตุ้นเศรษฐกิจและผ่อนคลายต่างๆ ได้อย่างดี หายป่วย 2,123 ราย เสียชีวิต 19 ราย
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คาดการณ์ ว่าภายในวันที่ 1 กรกฎาคม มีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็น Post Pandemic หรือช่วงระยะหลังการเกิดโรคติดต่อ ซึ่งถ้าจะเป็นสีเขียวได้ต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เมื่อไปรายละเอียดในพื้นที่รายจังหวัด พบว่า 50 จังหวัดมีทิศทางการแพร่ระบาดที่ลดลง ขณะที่ยังมี 17 จังหวัด ที่ตัวเลขลดลงแต่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวัง เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อการรักษา โดย 17 จังหวัดที่ยังต้องเฝ้าระวัง ดังนี้ กรุงเทพฯ ภูเก็ต อุบลราชธานี ชัยนาถ ตราด ยโสธร อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ สตูล ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี เพชรบุรี สมุทรสาคร กระบี่ พิจิตร
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชุดข้อมูล โดยวันที่ 1-15 มิถุนายน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ มากถึง 348,699 คน ตกวันละ 20,000-25,000 คน นักท่องเที่ยวที่เข้ามามากที่สุด 5 อันดับแรก คือ มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ขณะที่สถานการณ์การท่องเที่ยวหลักยกเลิกเทสต์แอนด์โก ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่นักท่องเที่ยวไทย ผ่านระบบไทยเที่ยวไทย พบว่ามีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น 53.52 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 22% จังหวัดที่เป็นเป้าหมายการท่องเที่ยว คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้เข้าร่วมประชุม รับฟังมาตรการต่างๆ ด้วย จะเห็นได้ว่า มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3.48 แสนล้านบาท คิดเป็น 149% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย กว่า 248,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบตามที่ สธ.ปรับพื้นที่เป็นสีเขียวทั้งประเทศ โดยที่ประชุมรับทราบข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายมาตรการการป้องกันโรคและควบคุมโรคในประเทศ 8 ข้อ ดังนี้ 1.พื้นที่เฝ้าระวังจากเดิม 14 จังหวัด เป็น 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 2.ส่วนมาตรการการสวมใส่หน้ากากอนามัย ยกเว้นในกรณีที่อยู่ที่โล่ง ไม่แออัดทำกิจกรรมที่ไม่อาจสวมหน้ากากอนามัยได้ และการประกอบอาชีพที่ต้องใช้การแสดงออกทางใบหน้าการอยู่คนเดียวในพื้นที่ปิดหรือมีฉากกั้น
3.การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่เฝ้าระวัง สามารถเปิดบริการได้ตามปกติโดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรครวมทั้งกฎหมายกฎระเบียบหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง 4.สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิง เปิดบริการได้โดยให้ผู้รับบริการดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่เฝ้าระวังโดย เปิดให้บริการตามกฎหมายเดิมกำหนด
5.การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวสามารถทำได้ตามปกติ 6.การคัดกรองอุณหภูมิไม่มีความจำเป็นต้องคัดกรองอุณหภูมิภายในอาคารสถานที่ แต่อาจจะมีให้คัดกรองอุณหภูมิในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่ระบาดเท่านั้น 7.การเว้นระยะห่างแนะนำให้มีการเว้นระยะห่างตามความเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด 8.มาตรการการรวมกลุ่ม ตรวจคัดกรอง ATK กรณีเป็นผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจหากมีการรวมกลุ่มมากกว่า 2,000 คน ขอให้แจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯรับทราบ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
“ที่ประชุมรับทราบมาตรการผ่อนคลายการป้องกันโรค ทั้ง 8 ข้อ โดยใช้เวลาหารือในข้อ 3 และ 4 พอสมควร ซึ่งตามข่าวระบุว่า จะให้เปิดถึง 02.00 น. แต่ปรากฏว่า เมื่อไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาจจะมีความคลาดเคลื่อน ดังนั้น มอบหมายให้ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ผอ.ศปก.ศบค.) ไปศึกษา ความเชื่อมโยงของกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 ซึ่งแบ่งสถานบริหารออกเป็น 5 ประเภท กฎกระทรวงกำหนดวันเวลา เปิด ปิด สถานบริการ พ.ศ. 2547 ซึ่งจะมีการกำหนดโซนนิ่งและเวลาการเปิด ปิด เท่าที่ดูเบื้องต้น สูงสุด ไม่เกิน 01.00 น. และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2558 เรื่องเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะมีช่วงเวลาเปิด ปิดที่ไม่ต่อเนื่องคือ 11.00-14.00 น. และ 17.00-00.00 น. เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป โดยนายกฯขอให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบปรับมาตรการการป้องกันโรค การเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยยกเว้นการลงทะเบียนไทยแลนด์พาส และยกเลิกวงเงินประกัน ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวไทยต่างชาติ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป แต่ผู้เดินทางต้องแสดงเอกสารการฉีดวัคซีน หรือผลการตรวจเชื้อ และให้ดำเนินการสุ่มตรวจผู้เดินทาง หากพบว่าไม่มีเอกสารแสดง จะดำเนินการ Pro-ATK ที่สนามบิน จนกว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงระบบและปรับเปลี่ยนหน้าที่ไทยแลนด์พาส สำหรับโควิด-19 เพื่อให้ผู้เดินทางได้ใช้แจ้งอาการ กรณีมีข้อสงสัยที่ต้องรายงานตามประกาศ สธ. ทั้งหมดนี้ครอบคลุมถึงการเดินทางผ่านแดนทางบก 22 จังหวัด และ 39 จุดด่านผ่านแดนถาวรด้วย