Chonburi Sponsored

เตรียมเอาผิดเจ้าของเพจหมามะเร็ง จ.ชลบุรี

Chonburi Sponsored
Chonburi Sponsored

ห้องข่าวภาคเที่ยง – เจ้าของเพจหมามะเร็ง เบี้ยว ไม่ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตามนัด อ้างไม่สบาย แต่ส่งทนายความ พร้อมกับตัวแทนคนเลี้ยงสุนัขเข้าชี้แจงแทน

จากกรณีมีการบุกตรวจสอบสถานที่รับเลี้ยงสุนัขป่วย ของเพจ หมามะเร็ง Dogs Cancer ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี หลังชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าของเพจไม่มีความโปร่งใสในเรื่องการเปิดรับเงินบริจาค และจากการตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา โดยทางนายกเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ได้นัดหมายให้ นางสาวกิ่งวราภร หรือ หนูนา เจ้าของเพจ นำเอกสารเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง

แต่ปรากฏว่าตามเวลานัดหมายวันนี้ ที่เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ไร้เงาของนางสาวหนูนา โดยได้ส่ง นายดรัญซะ สติมั่น ทนายความเจ้าของเพจหมามะเร็ง Dogs Cancer โดยชี้แจงว่า นางสาวกิ่งวราภร ไม่สบายเข้าโรงพยาบาลหลังเครียดสะสม จึงเป็นตัวแทนมาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่เทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว และมารับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่มีเอกสารใด ๆ มาชี้แจงแม้แต่แผ่นเดียว
 
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงประเด็นความผิด เช่น เป็นกิจการที่เข้าข่ายเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เป็นเหตุรำคาญ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข ปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในเทศบัญญัติเรื่องการปล่อยสัตว์เลี้ยงสัตว์

ส่วนประเด็นเรื่องการทารุณกรรมสัตว์ และการดำเนินกิจกรรมไม่ถูกสุขลักษณะ จะตรวจสอบอีกครั้ง

ทนายความให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับเจ้าของเพจ ซึ่งตอนแรกไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเหลือใหญ่ขนาดนี้ แต่พอมีคนส่งมาให้ก็ต้องรับ ซึ่งเงินเข้าออก 4 ปี จนถึงปัจจุบัน ประมาณ 33 ล้านบาท ถึงแม้จะมีการฟ้องร้องเรื่องความไม่โปร่งใส และเป็นคดีความในช่วง 2 ปีที่แล้ว พอมีปัญหาก็พยายามให้ดีที่สุด ซึ่งทางเจ้าของเพจแจ้งว่า ทำทุกอย่างลงไปโดยไม่รู้ข้อกฎหมาย ส่วนเรื่องที่ทำผิดก็ยอมรับ และอยากขอคำแนะนำเพื่อที่จะดำเนินกิจการต่อ

ด้าน นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว เผยว่า เจ้าของกิจการฝ่าฝืนในคำสั่งตั้งแต่ ปี 61 ซึ่งขณะนั้นมีการร้องเรียนและตรวจสอบแล้วให้มีการระงับกิจการไป จนถึงปัจจุบัน ก็ยังมีการรับสุนัขมาอยู่ ซึ่งเป็นการทำให้ผิดข้อบังคับดังกล่าวชัดเจน หลังจากนี้จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมไปถึงวันนี้มอบหมายทนายความมา แต่ไม่มีใบมอบอำนาจ ก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมายอีกเช่นกัน

Chonburi Sponsored
อำเภอ สัตหีบ

ช่วงประมาณรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 สัตหีบเป็นเพียงหมู่บ้านชายทะเล ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา หาของป่า และประมง การคมนาคมจะใช้ทางน้ำโดยเรือเมล์หรือเรือใบ ส่วนทางบกมีแต่ทางเกวียน ถนนไปชลบุรียังไม่มี ภูมิประเทศส่วนใหญ่ยังเป็นป่ารกทึบ การเดินทางระหว่างเมืองจึงใช้เรือเป็นหลัก ในหมู่บ้านสัตหีบ มีผู้ที่ชาวบ้านนับหน้าถือตามากอยู่คนหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า "ยายแจง" แกมีฐานะดีมี ที่ดิน เรือ สวน ไร่นามากมาย ตลาดสัตหีบ หนองตะเคียนและโรงเรียนสิงห์สมุทรรวมถึงบริเวณเขาแหลมเทียนอันเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือสัตหีบในปัจจุบันก็เคยเป็นของแก ต่อมา เมื่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ทรงฝึกภาคทะเลกับกองเรือและทรงพักที่อ่าวสัตหีบ ทรงเห็นว่าอ่าวสัตหีบเหมาะเป็นที่ตั้งหน่วยเรือ เพราะมีเกาะใหญ่น้อยช่วยกำบังคลื่นลม พระองค์จึงได้บอกถึงพระประสงค์ที่จะใช้บริเวณเขาแหลมเทียนเป็นที่ตั้งหน่วยทหารเรือ ยายแจงก็ยินดีที่จะถวายให้