วันเสาร์ ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
ติดเชื้อรวมATKยังแรง4.6หมื่น
ตายพุ่ง63ศพ
สธ.ย้ำป่วยไม่มีอาการต้องกักตัว
ลดความเสี่ยงแพร่ระบาดต่อเนื่อง
รพ.ทั้งรัฐ-เอกชนพร้อมรับคนป่วย
ยอดนร.ติดเชื้อโควิดกว่า1.7พันคน
ไทยติดเชื้อใหม่พุ่ง 24,792 ราย ตรวจ ATK เข้าข่ายอีก21,626 รวม 46,338 คน ตายเพิ่ม 63 ศพ ส่วน 10 อันดับสูงสุด “กทม.” นำโด่งทรงตัวกว่า 3 พันคน “ชลบุรี-เมืองคอน”อ่วมทะลุพัน สธ.เผยอาการโควิดล่าสุดส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่ต้องกักตัว เพื่อลดการระบาด ย้ำทุกรพ.ทั้งรัฐ-เอกชนพร้อมรับคนติดเชื้อมีโรคร่วมเข้าระบบยูเซ็ปพลัส ทปอ.พร้อมรับนักเรียนติดโควิดเข้าสอบ TCAS ที่จะเริ่ม 12 มีนาคมนี้ เผยมีเด็กลงทะเบียนแล้ว 1,712 คน แบ่งเป็นติดเชื้อ 1,441 ราย เสี่ยงสูง 271 คย้ำเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุข
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.รายงานภาพรวมสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยรายวันที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ติดเชื้อรวมATKยังสูง46,338คน
ศบค.เปิดเผยว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 24,792 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 24,308 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 246 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 158 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 80 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่ายด้วยการตรวจ ATK รวม 21,626 ราย เมื่อรวมกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 24,712 รายเท่ากับมีผู้ติดเชื้อ 46,338 ราย โดยยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 2563 ถึงล่าสุดอยู่ที่ 3,136,649 ราย ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 19 ของโลก
มีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 22,065 ราย หายป่วยสะสม 2,890,076 ราย ตั้งแต่ปี 2563อยู่ระหว่างรักษาตัว 222,998 ราย แบ่งเป็น ในโรงพยาบาล 63,553 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 159,445 ราย
ตายเพิ่ม63คน-อาการหนัก1.2พันคน
ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 1,255 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 415 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 63 คนยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 23,575 คน ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลก วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อถึง 1,790,583 รายต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตรวม 6,621 ศพ โดยติดเชื้อมากที่สุดคือ ประเทศเกาหลีใต้
ไทยฉีดวัคซีนสะสม125ล.โดส
ส่วนจำนวนยอดผู้รับวัคซีน สะสมระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564- 10 มีนาคม มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด 125,589,061 โดสใน 77 จังหวัด จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม 54,187,319 ราย, จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม 49,936,840 ราย, จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม 21,464,902 ราย
กทม.3พัน/ชล-เมืองคอนพุ่งหลักพัน
สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) 3,171 ราย ตามด้วยอันดับ 2 ชลบุรี 1,386 ราย อันดับ 3 นครศรีธรรมราช 1,324 ราย อันดับ 4 นนทบุรี 971 ราย อันดับ 5 สมุทรสาคร 829 ราย อันดับ 6 สมุทรปราการ 813 ราย อันดับ 7ปทุมธานี 645 ราย อันดับ 8 พระนครศรีอยุธยา 617 ราย อันดับ 9 นครราชสีมา 532 ราย และอันดับ 10นครปฐม 519 ราย ทั้งนี้ ในกลุ่ม 10 อันดับจังหวัดฯ พบว่า กรุงเทพฯยังเป็นอันดับ 1 ของประเทศจำนวนผุ้ติดเชื้ออยู่ที่กว่า 3,000 คน ขณะที่ ชลบุรีขยับมาอยู่ที่อันดับ 2 ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลักพัน และนครศรีธรรมราชยังรั้งที่ 1,324 ราย เพิ่มขึ้นเช่นกัน
โควิดส่วนใหญ่ไม่มีอาการแต่ต้องกักตัว
ด้านนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงอาการของเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบันว่า ขณะนี้เราพบผู้ติดเชื้อโควิดส่วนใหญ่ประมาณ 50% ไม่มีอาการป่วย ส่วนที่มีอาการ 50% เราจำแนกอาการย่อยได้เป็น ไอและเจ็บคอ 50% อ่อนเพลีย เป็นไข้ 30-40% และถ่ายเหลว 10% ทั้งนี้ อาการโควิดใกล้เคียงไข้หวัดแล้ว แต่ช่วงนี้ที่ต้องระวังเพิ่มขึ้นอาจเจอโรคไข้เลือดออกได้ ซึ่งจะมีไข้ อ่อนเพลียเหมือนกัน
“ดังนั้น หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการคล้ายไข้หวัด หรือแม้แต่ถ่ายเหลว เบื้องต้นให้ตรวจ ATK ได้ทันที หากเป็นผลลบให้สังเกตอาการตัวเองใน 48 ชั่วโมง ถ้ายังไม่ดีขึ้นให้ไปโรงพยาบาล(รพ.) เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการโรคอื่น เช่น ไข้เลือดออก แต่สิ่งสำคัญคือการป้องกันติดเชื้อสูงสุด ติดเชื้อแล้วก็ต้องกักตัวเอง เพราะแม้จะไม่มีอาการรุนแรง แต่หากไปพบคนอื่นที่ภูมิต้านทานน้อย มีโรคร่วมจะมีความเสี่ยง”นพ.สมศักดิ์กล่าว
OPDกทม.รับผู้ป่วยนอกได้วันละพันคน
และว่า การรองรับผู้ติดเชื้อโควิดแบบผู้ป่วยนอก (OPD) เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) หากเป็น รพ.สังกัดกรมการแพทย์ที่อยู่ในกรุงเทพฯ เช่น รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตน์ รองรับผู้ติดเชื้อได้วันละ 1,000 ราย จาก 2 ช่องทางคือ 1.คลินิกโรคไข้หวัด(ARI Clinic) ซึ่งผู้ติดเชื้อประมาณ 70% เลือกรักษาแบบ OPD และอีก 20-30% เลือกรักษาจากที่บ้าน (Home Isolation) และ 2.เพื่อแบ่งเบาภาระงานของสายด่วน 1330 รพ.แต่ละแห่งจะออก QR Code เพื่อให้ผู้ป่วยเก่าส่งต่อให้ผู้อื่นเพื่อเข้าระบบบริการ สัดส่วนเลือกการรักษาแบบ OPD ประมาณ 60% และอีก 30-40% เลือกรักษาจากที่บ้าน(HI) ทั้งนี้ เรากำลังทำ QR Code ส่วนกลางขึ้นมาแบ่งเบาภาระสายด่วน 1330 ให้ได้วันละ 1-2 พันราย
รพ.รัฐ-เอกชนพร้อมรับยูเซ็ปพลัส
ผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมของ รพ. เพื่อรองรับ UCEP Plus ผู้ติดเชื้อกลุ่มอาการสีเหลือง สีแดง และกลุ่มสีเขียวที่มีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างไร นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยโควิด UCEP Plus ถือเป็นผู้ป่วยสีเหลือง สีแดงทุก รพ.รองรับได้อยู่แล้วทั้งรพ.รัฐ และเอกชน แต่สิ่งที่เรากังวลคือ กลุ่มสีเขียวที่อาการเปลี่ยนแปลง อาจต้องจัดระบบที่ดีจากสิทธิสุขภาพนั้นๆ เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง) ประกันสังคม ต้องประกาศเกณฑ์ให้ชัดเจนว่า หากติดเชื้อแล้วมีอาการเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยสามารถเข้า รพ.ในเครือข่ายได้ทุกแห่งหรือไม่อย่างไร เราต้องรอประกาศเกณฑ์ตรงนี้
ถามต่อว่าอาการที่ชัดเจนบ่งบอกว่าเป็นกลุ่มป่วยสีเหลือง สีแดงที่เข้า UCEP Plus นพ.สมศักดิ์ชี้แจงว่า หลักการคือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จะเป็นผู้ประกาศ UCEP Plus ให้มีผลบังคับใช้ โดยต้องตกลงกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน(สพฉ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจเกี่ยว ทั้งนี้ กรมการแพทย์ให้ข้อมูลทางวิชาการกับ สบส. และสพฉ. ไปแล้ว เพื่อจัดระบบบริการฉุกเฉินต่อไป
พร้อมรับนร.ติดโควิด2พันคนสอบTCAS
ขณะที่นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงการควบคุมป้องกันโรคในสนามสอบ TCAS (ระบบกลางในการคัดเลือกบุคคลเข้ารับการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย) ซึ่งจะเริ่มสอบตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมเป็นต้นไปว่า การจัดสนามสอบจะมี 2 ส่วน 1.สนามสอบปกติ สำหรับคนเสี่ยงต่ำหรือไม่มีความเสี่ยง นั่งสอบห่างกันไม่น้อยกว่า 1 เมตร มีระบบระบายอากาศที่ดี นักเรียน ผู้คุมสอบต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา 2.เด็กที่ติดเชื้อโควิดหรือเด็กที่มีความเสี่ยงสูง สถานที่สอบต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร มีระบบระบายอากาศที่ดี นักเรียนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยกำหนดให้เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เท่านั้น แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ 2 ชั้นแต่อย่างใด เพราะทำให้หายใจลำบาก สำหรับจำนวนเด็กติดเชื้อที่คาดการณ์โดยคำนวณจากจำนวนเด็กอายุ 17-18 ปี ทั่วประเทศ มีการติดเชื้อประมาณวันละ 100-200 ราย ดังนั้น ถ้านับย้อนหลังกลับไปในรอบ 10 วัน คาดการณ์มีเด็กติดเชื้อประมาณ 1,000-2,000 คน ซึ่งสนามสอบที่เตรียมไว้มีเพียงพอ ขอให้นักเรียนเตรียมหน้ากากสำรองไปด้วย 2-3 ชิ้น เผื่อมีความจำเป็นต้องเปลี่ยน และขอให้พกเจลแอลกอฮอล์ติดตัวด้วย
มูลนิธิราชวิถีจัดรถรับเด็กป่วยไปสอบ
นพ.สราวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจ ATK ที่สนามสอบไม่ได้เป็นมาตรการหลักว่าต้องตรวจก่อนเข้าห้องสอบ แต่ให้เน้นตรวจในกลุ่มเสี่ยงสูง หรือคนที่มีอาการ เพื่อให้เด็กเข้าร่วมการสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวล ส่วนเด็กที่ติดเชื้อในกทม. ได้ร่วมกับมูลนิธิราชวิถีจัดรถฉุกเฉิน รับน้องจากที่บ้าน หรือฮอทพิเทลไปที่สนามสอบ ซึ่งมีลงทะเบียนเกือบร้อยกว่าคนแล้ว
นร.ติดเชื้อลงชื่อสอบกว่า1.7พันคน
รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ ผู้จัดการระบบสอบ TCAS65 ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวถึงการดูแลนักเรียนที่ติดเชื้อโควิดในการสอบ TCAS ซึ่งจะเริ่มวันที่ 12 มีนาคมโดยยอมรับว่า สถานการณ์ติดเชื้อโควิดอยู่ในขาขึ้น ทำให้มีตัวเลขนักเรียนป่วยติดเชื้อและเสี่ยงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีนักเรียนมาลงทะเบียนสอบใน mytcas .com ที่เปิดไว้ตั้งแต่วันที่ 7 -20 มีนาคม 732 คน แต่ปรากฏว่า ขณะนี้มีการลงทะเบียนแล้ว 1,712 คน แบ่งเป็นนักเรียนติดเชื้อ 1,441 คน และเป็นนักเรียนเสี่ยงสูงที่ครอบครัวหรือคนใกล้ชิดติดโควิด 271 คน ทั้งนี้ การเปิดลงทะเบียนยังคงเปิดให้นักเรียนลงทะเบียนได้ภายใน 24 ชม. ก่อนสอบ แต่วันพรุ่งนี้ (12 มีนาคม) ที่สอบ GAT1 วิชาความถนัดทั่วไป และ PAT1 วิชาความถนัดทางคณิตศาสตร์ เป็นวิชาการพื้นฐาน ทำให้เป็นวันที่มีจำนวนนักเรียนป่วยติดเชื้อและเสี่ยงสูงสอบมากที่สุด
สำหรับขั้นตอนการสอบของเด็กกลุ่มนี้ ปัจจุบันมีสนามสอบระดับภูมิภาครวม 6 สนาม และยังมีสนามสอบระดับจังหวัดอีก 18 สนามสอบรวม 24 สนาม มีเพียงที่ศูนย์สอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เปิดให้นักเรียนติดเชื้อมานอนพัก เพื่อรอการสอบได้ พบว่าเป็นศูนย์สอบที่มีนักเรียนลงทะเบียนสอบมากสุด 513 คน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของนักเรียนที่มาลงทะเบียน ทั้งหมด ส่วนมาตรฐานคุมสอบในสถานการณ์โควิด ใช้แบบเดียวกันหมดคือ แบบแยกห้องสอบระหว่าง เด็กติดเชื้อ และเด็กเสี่ยงสูง เข้า-ออกคนละประตู และยังเปิด OPEN CHAT ให้นักเรียนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการสอบมาสอบถามได้ โดยย้ำระเบียบการแต่งกายว่าเหมือนปกติ แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยแบบทางการแพทย์หรือหน้ากากอนามัยที่เป็นสีเขียว
ผู้ประกันตนติดโควิดรักษาฟรีได้ทุกรพ.
ขณะที่นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงการดำเนินนโยบาย เจอ-แจก-จบ โดยรักษาผู้ติดเชื้อโควิดแบบผู้ป่วยนอก (OPD)ว่า ได้ทำหนังสือแจ้งโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม รวมทั้ง สปส.สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศแล้วว่า ร่วมโครงการฯได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ สถานพยาบาลที่ทำโครงการนี้ให้ผู้ประกันตน สามารถทำเรื่องขอเบิกเงินย้อนหลังได้ และวันนี้ ตนประชุมทางไกลร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และรพ.ในเครือข่ายประกันสังคมทุกแห่งให้ทราบเรื่องนี้อีกครั้ง รวมทั้งตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงระบบการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นยูเซ็ป พลัส (UCEP Plus) ด้วย ซึ่งผู้ประกันตนที่ติดเชื้อกลุ่มอาการสีเขียว สามารถเข้ารับบริการได้ใน รพ.ระดับทุติยภูมิ และระดับตติยภูมิ ไม่ว่าผู้ประกันตนจะอยู่พื้นที่ไหนของประเทศไทย สามารถเข้ารับบริการ รพ.ที่เป็นคู่สัญญาของประกันสังคมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และรพ.เอกชนในต่างจังหวัดก็เป็นคู่สัญญาประกันสังคมถึงร้อยละ 80 และขอย้ำอีกว่า ประกันสังคมไม่เคยค้างจ่ายเงินกับหน่วยบริการ มีการเบิกจ่ายเงินไม่เกิน 30 วัน ให้รพ.มาตลอด ดังนั้น ผู้ประกันตนไม่ต้องกังวล
ชลบุรีพุ่ง1,386ตาย2ปอดอักเสบ3คน
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ระบาดรายจังหวัด โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี (สสจ.ชลบุรี) รายงานมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,386 ราย ประกอบด้วยคนที่พักอาศัยในจ.ระยอง เข้ามารักษาในจ.ชลบุรี 79 ราย สะสม 3,098 ราย และจังหวัดอื่นรวมสะสม 926 ราย 2.คลัสเตอร์ บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด อ.ศรีราชา 5 ราย สะสม 151 ราย 3.อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 62 ราย 4.บุคลากรทางการแพทย์ 33 ราย 5.ให้ประวัติเดินทางมาจากต่างจังหวัด 8 ราย 6.สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ในครอบครัว 267 ราย จากสถานที่ทำงาน 157 ราย บุคคลใกล้ชิด 46 ราย ร่วมวงสังสรรค์ 3 ราย 7.สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (อยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 70 ราย 8.อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 656 ราย
โคราชทะลัก1,437จับตา11คลัสเตอร์
นพ.วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา ชี้แจงสถานการณ์ระบาดโควิด-19ในพื้นที่ว่า พบผู้ป่วยใหม่ 1,437 ราย ป่วยสะสม 29,015 ราย รักษาหาย 19,807 ราย รักษาอยู่ 9,878 ราย เสียชีวิตใหม่ 2 ราย เป็นหญิงอายุ 71 ปี ต.หนองตะไก้ อ.หนองบุญมาก ประวัติรับวัคซีน 3 เข็ม มีโรคประจำตัว และชายอายุ 93 ปี ต.บ้านใหม่ อ.เมือง ประวัติไม่ได้รับฉีดวัคซีน เสียชีวิตสะสม 50 ราย ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่โดยเป็นการตรวจ RT-PCR 555 ราย และ ATK 882 ราย สอบสวนโรคเกิดจากกิจกรรมทางสังคมที่มีรับประทานอาหารร่วมกันและงานบุญ งานกุศล งานศพ ทำให้แพร่เชื้อเชื้อในชุมชนลุกลามเข้าสถานศึกษาและโรงงานอุตสาหกรรม จะต้องเฝ้าระวังและควบคุมการระบาดของ 11 คลัสเตอร์จากกิจกรรมสังคม เช่น งานแต่งงาน งานทำบุญ เชื้อลามเข้าสถานศึกษา-โรงงาน