เชียงใหม่-“ลุงตู่”แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ นำทีมลงพื้นที่เชียงใหม่หาเสียงเลือกตั้ง เดินตลาดกินข้าวซอยชื่อดัง พร้อมขึ้น “ดอยม่อนแจ่ม” พบปะพูดคุยกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ม้งรับฟังความเดือดร้อนและข้อเสนอแก้ไขปัญหากรณีที่ดินครอบครองทำกินที่เป็นกรณีพิพาทกับหน่วยงานรัฐมาหลายปี ยืนยันพยายามแก้ไขปัญหาให้มาตลอด โดยเฉพาะนโยบาย ONE MAP ที่ทำอยู่แล้ว ลั่นหากชนะเลือกตั้งพร้อมทำต่อ
วันนี้(21 เม.ย.66) ที่จังหวัดเชียงใหม่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายอนุชา บูรพชัยศรี ผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่หาเสียง โดยเดินทางด้วยเครื่องบินถึงเชียงใหม่ในช่วงเที่ยง จากนั้นเดินทางไปที่วัดยางกวง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ย่านตลาดประตูก้อม ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อสักการะอนุสาวรีย์พญามังราย และพระเจ้าแสนแซ่ พระพุทธรูปเก่าแก่ของวัด โดยมีประชาชนมารอต้อนรับและเจ้าอาวาสวัดได้มอบรูปหล่อพญามังราย,ยันต์และพระเครื่องให้แก่พลเอกประยุทธ์ ด้วย
ขณะเดียวกันตัวแทนประชาชนที่มารอรับได้ร่วมกันรดน้ำดำหัวพลเอกประยุทธ์ ตามประเพณีล้านนา ซึ่งพลเอกประยุทธ์ มีสีหน้ายิ้มแย้มและอวยพรให้ทุกคน พร้อมถ่ายรูปร่วมกันอย่างเป็นเอง จากนั้นได้ออกเดินพบปะทักทายประชาชนในตลาดประตูก้อม และรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านข้าวซอยลุงประกิจ ซึ่งเป็นร้านข้าวซอยชื่อดัง ย่านตลาดประตูก้อม เสร็จแล้วช่วงบ่ายออกเดินทางต่อไปยังม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนและรับฟังปัญหา พร้อมข้อเสนอแนะจากราษฎรกลุ่มชาติพันธุ์ม้งในพื้นที่ประมาณ100คน ที่รอให้การต้อนรับที่สนามฝึกซ้อมฟุตบอลมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ โดยเมื่อพลเอกประยุทธ์ เดินทางถึงปรากฏว่าได้มีฝนตกลงมาตลอดช่วงการพบปะพร้อมกับลูกเห็บเล็กน้อย ทั้งนี้ตัวแทนราษฎรกลุ่มชาติพันธุ์ ได้มอบกระเช้าพืชผักปลอดสารพิษให้พลเอกประยุทธ์ เป็นการต้อนรับ
ขณะที่นายวิชิต เมธาอนันต์กุล นายกเทศมนตรีตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม เป็นตัวแทนราษฎรนำเสนอข้อมูลปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่กรณีปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินของราษฎรในพื้นที่ม่อนแจ่ม ที่เกิดกรณีพิพาทกับหน่วยงานราชการจนถูกดำเนินคดีนับร้อยราย มีทั้งคดีที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนและชั้นศาล ซึ่งมีบางคดีที่ศาลตัดสินยกฟ้องแล้วด้วย แต่ทางหน่วยงานราชการยังมีการยื่นอุทธรณ์คดีอีก ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ดินที่ราษฎรครอบครองทำกินอยู่นั้นตกทอดมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษและไม่ได้บุกรุกป่าเพิ่มเติม ซึ่งตามที่พลเอกประยุทธ์ ได้มีนโยบายเรื่องปรับปรุงแผนเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 หรือ ONE MAP มาใช้ในการแก้ไขปัญหากรณีที่ดินราษฎรม่อนแจ่ม นั้น เห็นด้วยและสนับสนุนเป็นอย่างให้มีดำเนินการอย่างจริงจังและเร่งด่วน
ด้านพลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารับทราบกรณีปัญหาที่ดินดอยม่อนแจ่มที่เกิดขึ้น และพยายามแก้ไขมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการแก้ไขปัญหานี้มีความยุ่งยากและซับซ้อน เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันของหลายหน่วยงานและหลายกระทรวง ซึ่งการดำเนินการตามนโยบายในเรื่อง ONE MAP นั้น เป็นสิ่งที่ได้ริเริ่มขึ้นมาด้วยความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ โดยเป็นเรื่องที่ได้ทำมาแล้วและพร้อมที่จะทำต่อเนื่องไปหากได้รับโอกาสกลับมาทำหน้าที่ เพื่อให้ปัญหาหมดสิ้นไปและราษฎรอยู่ดีกินดี ทั้งนี้ขอความร่วมมือเพียงให้ช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่ให้ดีโดยเฉพาะพื้นที่ป่าและสอดส่องป้องกันไม่ให้มีการเผาป่าก่อมลพิษอากาศด้วย
ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ ใช้เวลาพบปะพูดคุยกับราษฎรกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ม่อนแจ่มนานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งก่อนเดินทางกลับยังได้ร่วมถ่ายรูปกับประชาชนทุกเพศทุกวัยที่มารอต้อนรับอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นกันเอง จากนั้นเดินทางด้วยรถยนต์พร้อมคณะไปลงพื้นที่หาเสียงต่อที่บริเวณตลาดนัดศรีบุญเรือง ตำบลแม่สา อำเภอแม่ริม เสร็จแล้ว เดินทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อรับประทานอาหารเย็น และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินในช่วงค่ำ