ศูนย์ข่าวศรีราชา – อากาศร้อนจัดใกล้ทะลุ 50 องศาดันยอดขาย “น้ำแข็ง”เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พุ่งกว่าเท่าตัวขณะโรงงานผู้ผลิตในเครือราชากรุ๊ป กลับไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เหตุเพราะปัจจัยค่าไฟ-แรงงาน
วันนี้ ( 21 เม.ย.) นายบุญอนันต์ พัฒนสิน ผู้บริหารบริษัทในเครือราชากรุ๊ป เจ้าของโรงน้ำแข็งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เผยว่าสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นประวัติการณ์โดยเฉพาะในเขตเมืองพัทยา – แหลมฉบัง และเขตตัวเมืองชลบุรี ที่ขณะนี้อุณหภูมิใกล้ทะลุ 50 องศา ทำให้ ประชาชนต้องหันมาบริโภคน้ำแข็งเพื่อบรรเทาความร้อนมากขึ้น
และสภาพอากาศที่ร้อนจัดตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมาได้ทำให้ยอดขายน้ำแข็งของบริษัทฯ เติบโตขึ้น 10-20 % โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย.ที่พบว่ายอดขายน้ำแข็งเติบโตมากที่สุดถึง 30 % ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการจัดกิจกรรมสงกรานต์ในพื้นที่ อ.บางละมุง ที่มีทั้งวันไหลนาเกลือและวันไหลพัทยา ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 18-19 เม.ย.ยิ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำแข็งเพิ่มมากขึ้น
“ ยอดขายน้ำแข็งในปีนี้ขยับตัวสูงขึ้นกว่าปีแล้วถึง 100 % และเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในวันธรรมดาพบว่าหน้าร้อนปีนี้ยอดขายน้ำแข็งสูงขึ้นถึง 3 เท่าตัว โดยในวันไหลพัทยาที่ผ่านมา ยอดขายเฉพาะน้ำแข็งก้อนมีมากถึง 8,500 ก้อน จากเดิมที่จะมียอดขายเฉลี่ยต่อวัน 3,000 ก้อนเท่านั้น”
โดยน้ำแข็งก้อนที่ผลิตขายสำหรับใช้ในงานวันไหลนาเกลือและวันไหลพัทยา เป็นน้ำแข็งที่ผลิตเพื่อใช้สำหรับนำมาเล่นเท่านั้น ไม่ใช่น้ำแข็งที่ใช้เพื่อการบริโภคจึงขอให้นักท่องเที่ยวมีความสบายใจ
นายบุญอนันต์ เผยเพิ่มเติมว่าน้ำแข็งที่ผลิตเพื่อใช้เล่นน้ำในงานวันไหลมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้เล่นน้ำคลายความร้อน ซึ่งทางโรงผลิตได้ผลิตน้ำแข็งก้อนออกขายในราคาก้อนละ 100 บาทซึ่งเป็นเช่นนี้มาทุกปี และแม้ในปีนี้จะมีความต้องการใช้น้ำแข็งก้อนเพื่อเล่นน้ำสงกรานต์มากขึ้น แต่บริษัทฯก็ไม่ได้ปรับราคาขายขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนน้ำแข็งที่ผลิตเพื่อการบริโภคก็ยังพบว่ามีความต้องการสูงตามจำนวนของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในเมืองพัทยาเช่นกัน
“แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะน้ำแข็งประเภทใดก็มีความต้องการสูงในช่วงหน้าร้อนนี้ ซึ่งโรงผลิตน้ำแข็งที่มีจำนวนมากในเมืองพัทยา ต่างเร่งผลิตน้ำแข็งคุณภาพเพื่อให้ทันกับความต้องการโดยไม่มีการขายตัดราคาขายกันแต่อย่างใด ส่วนการเพิ่มกำลังผลิตน้ำแข็งนั้นปัจจุบันโรงผลิตสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้เพียง 5-10 % เท่านั้นเนื่องจากยังมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงคือ ค่าแรงงานและค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับปัจจุบันแรงงานยังขาดแคลนอย่างหนักจึงถือเป็นปัจจัยหลัก ๆที่ทำให้ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้แม้ความต้องการจะสูงมากก็ตาม” นายบุญอนันต์ กล่าว