Chonburi Sponsored

รวบแล้ว แก๊งตระเวนลักทรัพย์โชว์รูมรถ หลังก่อเหตุงัดตู้เซฟมากกว่า 10 แห่ง

Chonburi Sponsored
Chonburi Sponsored

เผยแพร่:   ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ตำรวจภูธรภาค 4 จับแล้ว 4 ผู้ต้องหาแก๊งงัดตู้เซฟโชว์รูมรถ หลังตระเวนก่อเหตุทั่วประเทศรวม 10 แห่ง มูลค่าความเสียหายกว่า 1,700,000 บาท พบประวัติเคยติดคุกคดีเดียวกันมาก่อน หลังพ้นโทษกลับมาก่อเหตุอีก


วันนี้ (4 เม.ย.) ที่หอประชุมควรเตชะคุปภ์ สำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 แถลงข่าวจับกุมนายสิงห์ อายุ 40 ปี ที่อยู่ 365 ม.10 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี, นายเสือ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 24 ม.10 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี, นายเข้ อายุ 24 ปี ที่อยู่ 154 ม.1 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และนายฟรุ๊ค อายุ 22 ปี ที่อยู่ 13 ม.10 ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนฯ พร้อมของกลางหลายรายการ หลังตระเวนก่อเหตุงัดตู้เซฟโชว์รูมรถยนต์ กว่า 10 ครั้ง ได้ทรัพย์สินกว่า 1,700,000 บาท

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 – เดือนมีนาคม 2566 เกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายตระเวนลักทรัพย์(งัดตู้เซฟ) ตามศูนย์บริการรถยนต์ HONDA และ TOYOTA ในพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจภูธรภาค 1 รวมทั้งสิ้น 10 แห่ง มูลค่าความเสียหายกว่า 1,700,000 บาท จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ คือกลุ่มผู้ต้องหา 4 คนดังกล่าวข้างต้น หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อ

ศาลจังหวัดขอนแก่น, ศาลจังหวัดอุดรธานี ต่อมาศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นจากการจับกุม”

ต่อมาเมื่อวันที่ 3เม.ย. เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มาเที่ยวพักผ่อนที่บริเวณเรียบชายหาด (หาดน้ำใส) หมู่ 4 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงสะกดรอยติดตาม จนมาถึงบริเวณชายหาดดังกล่าวเวลาประมาณ 14.30 น. พบผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ที่มีรูปร่างและลักษณะรูปพรรณตรงตามบุคคลตามหมายจับ จึงแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน


สอบถามทั้ง 4 คน รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริงและไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน ตำรวจชุดจับกุมจึงได้จับกุม จากนั้นได้แจ้งข้อหาและข้อกล่าวหาในชั้นจับกุมผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางดังกล่าวข้างตน จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่าเนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ก่อเหตุอุกอาจในลักษณะเดียวกัน ต่อเนื่องกันหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก ทางผู้บังคับบัญชาไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงสั่งการให้เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มผู้ต้องหานี้เป็นบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดร่วมกันลักทรัพย์ (งัดตู้เซฟ) มาก่อน และเคยถูกจับกุมเมื่อปี 2553 จนพ้นโทษปี 2563 มีความรู้เกี่ยวกับการก่อเหตุงัดเซฟลักษณะนี้มาก่อน ประกอบกับหลังพ้นโทษไม่มีอาชีพทำเป็นหลักแหล่ง (ตกงาน) จึงก่อเหตุเพื่อหาเงินดำรงชีพ


จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบประวัติต้องโทษดังนี้ ผู้ต้องหาที่ 1 ต้องโทษข้อหาลักทรัพย์ทั้งหมด 9 คดี, ผู้ต้องหาที่ 2 ต้องโทษข้อหาคดีลักทรัพย์ทั้งหมด 4 คดี, ผู้ต้องหาคนที่ 3 ต้องโทษข้อหาคดีลักทรัพย์ทั้งหมด 4 คดี และผู้ต้องหาที่ 4 ต้องโทษข้อหาคดีลักทรัพย์ 1 คดี

Chonburi Sponsored
อำเภอ สัตหีบ

ช่วงประมาณรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 สัตหีบเป็นเพียงหมู่บ้านชายทะเล ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา หาของป่า และประมง การคมนาคมจะใช้ทางน้ำโดยเรือเมล์หรือเรือใบ ส่วนทางบกมีแต่ทางเกวียน ถนนไปชลบุรียังไม่มี ภูมิประเทศส่วนใหญ่ยังเป็นป่ารกทึบ การเดินทางระหว่างเมืองจึงใช้เรือเป็นหลัก ในหมู่บ้านสัตหีบ มีผู้ที่ชาวบ้านนับหน้าถือตามากอยู่คนหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า "ยายแจง" แกมีฐานะดีมี ที่ดิน เรือ สวน ไร่นามากมาย ตลาดสัตหีบ หนองตะเคียนและโรงเรียนสิงห์สมุทรรวมถึงบริเวณเขาแหลมเทียนอันเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือสัตหีบในปัจจุบันก็เคยเป็นของแก ต่อมา เมื่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ทรงฝึกภาคทะเลกับกองเรือและทรงพักที่อ่าวสัตหีบ ทรงเห็นว่าอ่าวสัตหีบเหมาะเป็นที่ตั้งหน่วยเรือ เพราะมีเกาะใหญ่น้อยช่วยกำบังคลื่นลม พระองค์จึงได้บอกถึงพระประสงค์ที่จะใช้บริเวณเขาแหลมเทียนเป็นที่ตั้งหน่วยทหารเรือ ยายแจงก็ยินดีที่จะถวายให้