สุดเหิม! พรานป่ายิงเจาะกระโหลก “หน.ชุดพิทักษ์ป่า” ขณะเข้าจับกุมเจ็บสาหัส
สุดเหิม! 2 พรานป่า ยิงเจาะกระโหลก “หัวหน้าชุดพิทักษ์ป่า” ขณะเข้าจับกุม กระสุนทะลุท้ายทอยอาการสาหัส อ้างนึกว่าเป็นสัตว์ป่า
20 มกราคม 2566 เมื่อเวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีพรานป่าไปล่าสัตว์บนเขาตะเคียนเซาะราก (หุบตาหนาน) ซึ่งเป็นพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมพู่ หมู่ 6 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี แล้วใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อาการสาหัส
หลังรับแจ้ง ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่ทำการน้ำตกชันตาเถร ซึ่งเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า พบว่า ผู้ถูกยิงคือ นายทนงเดช สุนทรวรจันทร์ อายุ 59 ปี หัวหน้าชุดพิทักษ์ป่า โดยก่อนเกิดเหตุได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีพรานป่าแอบเข้าไปล่าสัตว์ บนเขาตะเคียนเซาะราก (หุบตาหนาน)
ทาง นายทนงเดช หัวหน้าชุดพิทักษ์ป่า จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า สังกัดรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมพู่ จำนวน 14 นาย ออกไปดักซุ่มที่บริเวณบนเขา ช่วงเวลา 20.00 น. ของคืนวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลา 20.30 น. จึงพบแสงไฟฉายส่องไปมา ที่บริเวณบนเขา จำนวน 2 ดวง จึงนำกำลังกระจายกันออกตรวจสอบ

ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่พบมีพรานป่าจำนวน 2 คน ส่องไฟฉายสาดไปมา จึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด นายทนงเดช หัวหน้าชุดได้ล้มฟุบลงกับพื้น จากนั้นพรานป่า 2 คน ได้วิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจึงไล่ติดตาม จนสามารถจับกุมทั้ง 2 คนเอาไว้ได้
ทราบชื่อคือ นายธีรวัฒน์ หมูแก้ว อายุ 38 ปี พร้อมด้วยอาวุธปืนยาวลูกกรด ยี่ห้อ CZ ติดลำกล้องเล็ง และติดอุปกรณ์เก็บเสียง และมีไฟฉายติดปลายกระบอกปืน ภายในรังเพลิง มีปลอกกระสุนอยู่ 1 ปลอก และยังมีซองกระสุนบรรจุอยู่กับตัวปืน อีก 2 นัด
ตรวจสอบภายในเป้สะพาย ยังพบกล่องบรรจุกระสุนขนาด .22 จำนวน 2 กล่อง บรรจุกระสุนไว้ที่กล่องที่ 1 จำนวน 14 นัด และกล่องที่ 2 อีกจำนวน11 นัด , ไฟฉายคาดหัว 2 อัน , อาวุธมีดเดินป่าอีก 1 เล่ม
ส่วนพรานป่าอีกคนคือ นายวศีล ชื่อหลาย อายุ 31 ปี ตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ พบเป้สนาม 1 ใบ บรรจุซากอีเห็นจำนวน 1 ซาก , ซากกระรอกหลากสี 1 ซาก , มีดพกเดินป่า 1 เล่ม ไม่ห่างจากจุดพบเป้สะพาย ยังพบอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 ติดลำกล้องเล็ง ติดอุปกรณ์เก็บสียง มีไฟฉายติดปลายกระบอกปืน ในรังเพลิงมีกระสุนบรรจุอยู่ 1 นัด ซองกระสุนบรรจุอยู่กับตัวปืน มีกระสุนบรรจุอยู่ 3 นัด

สอบสวนทั้ง 2 สารภาพว่า ในช่วงบ่าย ได้นำกับดักสัตว์มาวางไว้ 30 อัน และกำลังจะเข้ามาในป่า เพื่อมาดูว่า มีสัตว์ติดกับดักที่วางไว้หรือไม่ และได้ถืออาวุธปืนยาว มากันคนละกระบอก ระหว่างทางได้ยิงอีเห็น 1 ตัว และกระรอกติดกับดัก 1 ตัว และระหว่างเดินกลับ ยังพบว่า มีสิ่งเคลื่อนไหวคิดว่า ผู้ที่ถูกยิงเป็นสัตว์ป่า จึงได้เล็งปืนและยิง จนกระสุนไปถูกเจ้าหน้าที่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบรถกระบะยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า สีดำ ซึ่งเป็นยานพาหนะของผู้ต้องหา ที่ใช้เข้ามาล่าสัตว์ป่าในครั้งนี้อีกด้วย และยังพบกับดักสัตว์ ที่ท้ายรถกระบะอีก 38 อัน

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับบุคคลทั้ง 2 ว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โดยร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตร 53 , ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 54 , ร่วมกันเก็บหา และกระทำการใด ๆ ทำการให้เสื่อมสภาพ ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตามมาตร55 (5)
ส่วน นายธีรวัฒน์ หมูแก้ว ยังมีความผิดฐาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่ ซึ่งทั้ง 2 คน ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวทั้ง 2 คน พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองขาม เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ส่วน นายทนงเดช สุนทรวรจันทร์ หัวหน้าชุดพิทักษ์ป่า นั้น ถูกกระสุนปืนที่ช่วงเหนือคิ้วซ้าย ทะลุกะโหลกศีรษะ 1 นัด อาการสาหัส เบื้องต้นได้ช่วยกันนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลบ้านบึง แต่ทางแพทย์มีเครื่องมือที่ทันสมัยไม่เพียงพอ จึงนำตัวส่งต่อไปรักษาอาการต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี
นายสมลักษณ์ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า หนึ่งในชุดจับกุม และอยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งว่า มีพรานป่าแอบเข้ามาล่าสัตว์ จึงได้เตรียมกำลังไปดักซุ่มรวม 15 คน มีนายทนงเดช เป็นหัวหน้าชุดพิทักษ์ป่า เมื่อพบว่ามีแสงไฟ 2 ดวง ฉายสาดไปมา ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้กระจายกำลังปิดล้อม
จังหวะนั้นคนร้ายได้ส่องไฟฉายจากปลายปืน ซึ่งเป็นอินฟาเรด ส่องมาเห็นตาของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า จึงคิดว่าเป็นสัตว์ป่า จึงลั่นไกปืนยิงทันที ทำให้กระสุนถูก นายทนงเดช จนล้มฟุบลงไปนอนกับพื้น เมื่อเห็นดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวทั้ง 2 คน เอาไว้ได้ และเจ้าหน้าที่อีกชุด ก็พาร่างผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล
