เมื่อพูดถึง ช่างท๊อป-ภานุพงศ์ จงจิตร หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ ช่างท๊อป ด็อกอาร์ท คงทำให้ใครหลายคนนึกถึงคลิปช่างอาบน้ำตัดขนหมาแมวในเฟซบุ๊ก ผู้มักจะต้องรบรากับเหล่าสัตว์บ้านที่ดุร้ายอย่างกับสิงห์สาราสัตว์ตามป่าใหญ่ หรือบางตัวก็ชวนตลกระดับแก๊งป่วนก๊วนพิสดาร
หรือถ้าใส่ข้อมูลเชิงลึกลงไปกว่านั้น ก็คงต้องเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างจากหลาย ๆ บทสัมภาษณ์
เขาเคยไปเป็นลูกจ้างร้านอาบน้ำตัดขนหมาแมวที่กรุงเทพฯ
กลับมาเปิดร้านของตัวเองที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ก่อนจะแพ้ภัยสิ่งอบายมุข ติดเที่ยว ติดบุหรี่ ติดเหล้า จนต้องปิดกิจการไปในเวลาต่อมา
แล้วจึงขอโอกาสแก้ไขชีวิต โดยมีครอบครัวเป็นแรงผลักดัน กลับไปเป็นลูกจ้างเพื่อขัดเกลาตัวเอง แล้วหวนคืนสู่ถิ่นมาเปิดร้านอีกครั้งหนึ่ง
พร้อมกับกลายเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลจากคลิปน้องลูกจัน (แมว) ไม่ชอบอาบน้ำ
แต่นั่นไม่ใช่หลักใหญ่สำคัญของบทความนี้ เพราะตลอดการพูดคุยนี้ ไม่ใช่เรื่องของการทำเพจ ไม่ใช่เรื่องของการทำคลิป ไม่ได้เอาความดังของเขามาเป็นตัวตั้ง แต่เอาฝีมือและประสบการณ์มาเล่า จากการเป็นช่างตัดขนและอาบน้ำหมานานกว่า 18 ปี
“คำถามแรกที่ถามเจ้าของร้านก็คือ เขาเอาหมาไปตากแดดที่ไหน”
ช่างท๊อปบอกเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ เมื่อย้อนนึกถึงวันวานของตนที่เข้าไปในร้านอาบน้ำตัดขนสัตว์ที่กรุงเทพฯ แบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ แต่รู้ว่าเขาต้องการหางานพิเศษทำ
ไม่เพียงเท่านั้น การเลือกเข้าทำงานที่นี่ก็ไม่ได้เกิดจากความอยากรู้อยากลองหรือสนใจในอาชีพ เพียงแต่แฟนของเขาพึ่งดูละครเรื่อง รักเกินพิกัดแค้น (พ.ศ. 2547) ซึ่งมี หนุ่ม อรรถพร เล่นเป็นช่างอาบน้ำตัดขนสัตว์มาดหล่อ อีกทั้งยังแต่งตัวเท่เยี่ยงชายในเครื่องแบบ ฉะนี้เองเขาจึงถูกแฟนตะล่อมให้เข้าทำงานโดยปริยาย
แต่สำหรับช่างท๊อปในตอนนั้นที่มีพื้นฐานเป็นคนรักสัตว์ การทำงานในร้านจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก แม้จะเริ่มต้นด้วยการเก็บขี้หมาในกรง
เมื่อนำความน่ารักของเหล่าหมาแมวมาบวกลบทดดูแล้ว มันก็มากเพียงพอจะหักล้างกับอะไรหลาย ๆ อย่าง จนเกิดเป็นความคิดที่ว่า “หมามันน่ารักอะครับ สายพันธุ์ที่เราไม่เคยเจอมันน่ารัก เรามีความสุขในการทำงานอยู่กับหมา”
ยิ่งนำไปเปรียบเทียบกับการนั่งทำงานออฟฟิศ ตากแอร์สบาย ๆ เอนหลังไปกับเก้าอี้ แต่อาจแวดล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมงานเรื่องเยอะ ลูกค้าจอมจู้จี้จุกจิก การอยู่แบบนี้เห็นจะสบายใจกว่าเป็นไหน ๆ เพราะสำหรับช่างท๊อปแล้ว หมาแมวก็เปรียบเสมือนลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน
“ถ้าลูกค้าทำกริยาท่าทางไม่ดีกับเรา เราจะไปบ่น ไปด่าเขา เราทำไม่ได้ แต่ถ้าเราอยู่กับหมา เขาก็รับฟัง (หัวเราะ) สุดท้ายมันก็มาเลียหน้าเรา มากระดิกหางใส่เรา ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เราเพิ่งด่ามันไป ก็เลยทำงานมีความสุข ทั้ง ๆ ที่บางทีงานมันอาจจะเครียด”
ความเครียดในที่นี้หมายถึงเหล่าความเสี่ยง ความสกปรก และความยากต่อการรับมือที่อาชีพนี้ต้องแบกรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความเสี่ยง เช่น หมาที่มีอายุมากแล้ว หรือภาษาบ้านคือ หมาแก่ มีความเสี่ยงที่จะช็อกเสียชีวิตได้ตลอดเวลา
ความอดทน เช่น หมาอายุน้อย หมาสมาธิสั้น หรือหมาปัญญาอ่อน สำหรับช่างท๊อปแล้วรับมือยากกว่าหมาดุแบบคนละเรื่อง เพราะพูดอะไรให้ตายยังไงมันก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี หรืออาจจะเป็นเหล่าแมวดุ แมวกัด แมวตบ ที่ชอบมามอบแผลให้ได้ระลึกถึงกัน
ส่วนความสกปรก เช่น เวลาที่หมาแมวบางตัวเกิดอาการกลัวระหว่างตัดขนหรืออาบน้ำ อาจมีบางครั้งที่ตัด ๆ อยู่แล้วกลัวชนิดขี้แตกขี้แตนเต็มโต๊ะ เลอะเทอะเสื้อผ้าช่าง ซึ่งช่างท๊อปก็บอกกับเราเพียงแค่ว่า “ต้องรับสภาพให้ได้”
“ความเครียดมีอยู่ตลอดเวลา แต่เวลาผมอัดคลิป ผมจะเอาความเครียดแต่ละครั้งมาเป็นความสนุกให้ทุกคนได้ดู แม้ในใจของเราบางทีจะเครียด”
ผมว่าหมากับแมวพอ ๆ กันครับ ขึ้นอยู่กับที่แต่ละตัวมากกว่า เหมือนคนเลย คนไหนนิสัยไม่ดี คนไหนนิสัยดี อย่างนี้ครับ
การอาบน้ำตัดขนก็ไม่มีขั้นตอนไหนยากตายตัวเลยครับ ทุกอย่างคล้าย ๆ หมด
เหมือนเราจะไถเท้า หมาตัวนี้ไถเท้าง่ายมาก หมาตัวนี้ไถเท้าโคตรยาก หมาตัวนี้ไถไม่ได้เลย พอเราทำได้หมดแล้ว ความยากมันอยู่ที่นิสัยหมา นิสัยแมว ถามว่าหมากับแมวอันไหนทำยากกว่า ผมบอกเลยว่า แมว
แมวที่จองคิวมาที่ร้าน อันดับแรกก็คือต้องเทสต์ดูก่อนนะครับ ไม่ใช่ว่ามาถึงปุ๊บก็ทำเลย
อันดับแรกต้องเทสต์ไดร์ เทสต์เสียงน้ำ พอเทสต์เสร็จปุ๊บ โอเค ผ่านขั้นตอนแรก เราก็ไปขั้นตอนที่สองในการอาบน้ำ บางตัวอาบเสร็จ บางตัวก็อาบไม่เสร็จ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละตัว
เราประเมินจากประสบการณ์ เห็นหมาปุ๊บเราจะรู้เลยว่าตัวนี้เราทำได้ไหม ได้กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าว่าอาจจะทำได้ก็คือลองทำให้ดูก่อน อาจจะเสร็จหรือไม่เสร็จ
ส่วนใหญ่แล้วที่ว่าโดนกัดหนัก ๆ ก็เป็นเพราะว่าเราอยากทำให้ แต่บางจังหวะเราก็พลาด ส่วนตัวไหนที่จับแล้วปุ๊บทำไม่ได้เลยก็มี บางทีอาจจะยอมช่วงแรก แต่พอหลัง ๆ เขาไม่ยอมแล้ว ยังไงก็ไม่ยอม ได้แค่ไหนเอาแค่นั้นครับ
เขาจองคิวมา เราก็ส่งรายละเอียดให้เขาหมดแล้วว่า เออ การจะจองคิวอาบน้ำตัดขนหมาแมวแต่ละตัวมีรายละเอียดอะไรบ้าง มีข้อตกลงกันก่อน
นานอยู่เหมือนกันครับ เพราะว่าตอนแรก ๆ ที่เข้าไปเป็นเด็กอาบน้ำหมา แค่สัปดาห์เดียวก็โดนกัดแล้ว พอเราโดนกัดปุ๊บ ตอนนั้นตกใจนะ แต่ว่าเพื่อนร่วมงานไม่ได้ตกใจไปกับเรา เราก็มานั่งทบทวน อ๋อ สงสัยมันเป็นเหตุการณ์ปกติล่ะมั้ง (หัวเราะ)
แล้วการโดนกัด เราเลือกได้ครับ เราเลือกที่จะทำได้
เลือกได้ครับ เพราะว่าช่างบางคนเขาก็ไม่รับเลย หมาดุ หมากัด
เจ้าของก็ต้องเอาไปร้านสัตวแพทย์ โดยให้สัตวแพทย์วางยาซึม วางยาสลบ แล้วค่อยให้ตัดขน ปัญหาคือเจ้าของหมาต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น สองคือหมาจะซึมอยู่แบบนั้นประมาณ 2 – 3 วัน
ถ้าตัวไหนเราทำได้ เราก็ทำให้ เราโดนกัด แต่ว่าเจ้าของแทบไม่รู้ว่าหมาเขากัดเรา เพราะว่าผมจะไม่ค่อยบอก เรากลัวเขาจะเกรงใจแล้วไม่กล้าพามา กลัวว่าจะพาไปวางยา ผมสงสารหมา ซึ่งสัตวแพทย์เองก็ไม่อยากทำเหมือนกันครับ
มีอุปกรณ์ป้องกัน ส่วนใหญ่บางคนเขาก็ใช้ถุงมือบ้าง ที่ครอบปาก ครอบหัว ที่ร้านผมไม่มีอุปกรณ์อะไรช่วยเลย มีแต่มือเปล่า ๆ แล้วก็มีแฟนผมเป็นผู้ช่วยคอยจับในบางจังหวะที่ว่า เออ เราต้องช่วยกันจับนะ เหมือนเราทำแมว สัญชาตญาณแมวคือมันจะตะเกียกตะกาย ก็ต้องให้ช่วยจับเท้าข้างหนึ่ง
ถ้ามีอุปกรณ์ช่วย เราอาจจะทำได้เร็วกว่า แต่ว่าหมาแมวมันอาจจะเครียดกว่าเดิม
ใช่ครับ แต่ว่าจริง ๆ แล้วเลือกที่จะไม่ทำเลย มันจะดีกว่า ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็อย่าไปฝืน
ถ้าตัวไหนที่ว่าคิดว่าจับไม่ไหว ต้องบอกให้เจ้าของเอากลับไป หรือไม่ก็ให้เจ้าของช่วยจับ แต่ถ้าเคสไหนที่เจ้าของปฏิเสธเลยว่า ผมช่วยจับให้ไม่ได้ อันนี้คือต้องพิจารณา
บางทีเจ้าของไม่กล้าจับ กลัวโดนข่วน โดนกัด แต่ว่าเราจะมีวิธี มีเทคนิคในการจับ
คล้าย ๆ การจับงูครับ เขาก็มีวิธีว่าทำยังไงไม่ให้งูกัด
แต่แมวมา 10 ตัว จะทำวิธีเดียวกันไม่ได้ เราต้องประเมินเบื้องต้นว่าตัวนี้ควรจับยังไง ตัวนี้ยอมท่าไหน หมาแมวแต่ละตัวจะยอมไม่เหมือนกันครับ มันต้องรู้จักนิสัย แล้วนิสัยแต่ละสายพันธุ์ก็ไม่เหมือนกันอีก
ประสบการณ์เลยครับ เหมือนอย่างผม 18 ปีก็เยอะพอสมควร เลยรู้นิสัย รู้พฤติกรรมในบางตัว แต่ไม่ใช่ว่ารู้ 100 เปอร์เซ็นต์นะครับ เราก็พลาดบ้าง โดนกัด โดนตบบ่อย
ในขณะที่กำลังสนทนากันในเรื่องของการจองคิว ช่างท๊อปได้พูดขึ้นมาอย่างน่าสนใจว่า “เมื่อก่อนมีพวกชอบมาลองของเยอะ”
ลองของในที่นี้ ไม่ได้มาจากการที่ช่างท๊อปมีสถานะเป็นนักเลงหัวไม้ขาใหญ่คับซอย จนต้องมีคนมาตีรันฟันแทงแย่งตำแหน่งจ้าวยุทธภพ ขณะเดียวกันตัวร้านก็ไม่ได้มีประวัติสยองขวัญขนาดที่พี่ป๋องต้องเอาไปออกรายการ
แต่คือเหล่าลูกค้าที่นึกอยากทดสอบฝีมือช่างด้วยการนำสัตว์เลี้ยงของตนที่มีนิสัยดุร้ายอยู่แล้วเป็นทุนเดิมมาใช้บริการ เพียงแต่จะไม่แจ้งช่างล่วงหน้าว่า หมาแมวของเขานั้นดุขนาดไหน ซึ่งช่างท๊อปเองก็ต้องรับมือกับลูกค้าแบบนี้อยู่ไม่น้อย ตั้งแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในโลกโซเชียล จนต้องออกกฎว่า ไม่แจ้งล่วงหน้า เชิญรับกลับทันที
“ตอนที่ผมดังในโลกโซเชียลแล้ว มันจะมีประเภทที่ว่า ผมทำเสร็จ มารับปุ๊บ แล้วก็พูดว่า แล้วมันไม่กัดช่างหรอครับ …เอ้า!”
นั่นแหละ อย่านึกสนุกเพียงเพราะความอยากรู้อยากลอง อาชีพช่างอาบน้ำตัดขนนั้นมีความเสี่ยงจากการได้รับบาดเจ็บมากเกินพออยู่แล้ว
เช่นครั้งหนึ่ง ช่างท๊อปเคยได้รับบาดเจ็บจากการตัดขนหมาพันธุ์บางแก้ว แม้ในทีแรกจะดูไม่มีปฏิกิริยาอะไรให้น่าเป็นห่วง แต่พอผ่านไปสักพักหนึ่ง เจ้าบางแก้วก็หันมาแว้งกัด หรือพูดให้ถูกคือ ขย้ำแขนช่างท๊อป จนทำงานไม่ได้กว่าครึ่งค่อนเดือน
หวังว่าสถานการณ์นี้จะพอเป็นอุทาหรณ์สอนความเห็นใจได้บ้าง
อีกเรื่องหนึ่งที่ช่างท๊อปอยากให้ทุกคนเข้าใจคือ การทำงานกับสัตว์ย่อมต้องมาพร้อมกับความเสี่ยงตามที่เคยบอกไว้ก่อนหน้า แต่ความเสี่ยงในที่นี้ยังรวมไปถึงเหล่าหมาแมวที่อยู่ไม่สุข จนทำให้ช่างนั้นอาจพลาดไปทำให้สัตว์มีบาดแผลโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันคงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลาย ๆ คนกับการที่สัตว์เลี้ยงของเขาที่ถูกดูแลประคบประหงมมาอย่างดีจะเกิดแผลขึ้นจากฝีมือของคนนอก และเป็นคนที่เราเลือกมาใช้บริการ
แต่วานโปรดเข้าใจ “เพราะเราก็ระวังให้สุด ๆ อยู่แล้ว”
บาดแผลที่เกิดขึ้นโดยส่วนใหญ่ เป็นเพียงแค่รอยถลอกจากปัตตาเลี่ยน แผลบาดจากกรรไกรที่แน่นอนว่า ไม่ใช่แผลลึก หรือถ้าเป็นการตัดเล็บ หากสัตว์เกิดดิ้นขึ้นมาในระหว่างลงมือก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเลือดออกเนื่องจากตัดโดนเนื้อภายใน ซึ่งช่างเองก็เตรียมตัวพร้อมรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อยู่เสมอด้วยการใช้ยาอุดให้ทันที
ช่างท๊อปต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่า มันเป็นเรื่องปกติจริง ๆ สมมติว่า มีหมาสัก 20 ตัว อาจจะมีเพียงแค่นิ้วสองนิ้วจากจำนวนทั้งหมดเท่านั้นที่ตัดพลาดจนมีเลือดออก
“แต่ว่าไม่ใช่ เออ มี 10 นิ้วพลาดไป 8 นิ้ว อันนั้นคือประมาท ไม่ใช่ละ”
ขณะเดียวกัน วิธีการทำงานเองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หวังว่า เหล่าลูกค้าและผู้คนที่มองเข้ามาจากภายนอกจะไม่ด่วนตัดสินกันเกินไป เพราะหลายครั้งหลายคราว เช่น การจับแมวด้วยวิธีดึงหนังคอ หลายคนก็ตีโพยตีพายกันไปแล้วว่า ช่างบีบคอแมวรึเปล่า
ช่างท๊อปยอมรับว่า บางอย่างไม่ได้เป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุด แต่มันเป็นวิธีเดียวที่หลีกเลี่ยงไม่ให้แมวหรือหมาบาดเจ็บได้มากที่สุด
วานโปรดเข้าใจ
และถึงแม้ว่าเหล่าแมวหมาหลากหลายสายพันธุ์จะน่ารักน่าเอ็นดู เชิญชวนให้น่าลูบหัวพร้อมจกพุงขนาดไหน ก็ต้องยอมรับว่า บางพฤติกรรมของมันนั้นชวนหงุดหงิดไม่ใช่น้อย
ช่างท๊อปเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อเวลาชีวิตกว่าครึ่งค่อนวันนั้นหมดไปกับการรับมือสัตว์ จึงมีบ้างกับความรู้สึกโมโหที่ทำไมถึงไม่อยู่นิ่ง ๆ สักที!
“เหมือนว่า ไม่ไหวแล้ว ตัวนี้ไม่ไหวจริง ๆ ต้องหยุดก่อน เอาไปไว้ในกรงก่อน แยกกันสักพักหนึ่ง ไปทำตัวอื่นที่กำลังแฮปปี้อยู่ พอเรารีแลกซ์ เราก็กลับไปทำอีก”
แต่นอกจากวิธีห่างกันสักพักแล้ว ช่างท๊อปยังเลือกใช้เสียงในการสยบความดื้อของสัตว์เลี้ยง
“บางทีก็ขู่ต่อหน้าเจ้าของ ต่อหน้าพ่อหน้าแม่มัน” หลังจบประโยคนี้ช่างท๊อปก็หัวเราะออกมายกใหญ่กันเลยทีเดียวเชียว
ซึ่งการทำทั้งเสียงดุ ขู่ ด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ ตีโต๊ะด้วยมือหรืออาจจะด้วยขวดเปล่าก็แลดูจะได้ผลไม่ใช่น้อยจากหลาย ๆ ครั้งที่ทำมา ยิ่งกับหมาเด็กด้วยแล้ว หากไม่ใช้เสียงก็อย่าหวังว่าเจ้าจิ๋วจอมซ่าจะอยู่นิ่งให้ลงมือทำงานได้ง่าย ๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าจนแล้วจนรอดยังไงก็ไม่นิ่งสักที ช่างท๊อปก็ได้บอกกับเราว่า “ตามสภาพ”
ถึงอย่างนั้น หมากับแมวต่อให้จะซนขนาดไหน พวกมันก็จะหยุดนิ่งบ้างในบางจังหวะ ซึ่งช่างท๊อปก็ต้องอาศัยจังหวะเหล่านั้นที่มีระยะความนานอยู่ที่ 15-20 วินาที ในการทำงานให้ตลอดรอดฝั่งไปในแต่ละตัว
ความดังกับความวุ่นวายเห็นจะเป็นสิ่งที่ควบคู่กันมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายครั้งและหลายคนที่เคยดูคลิปช่างท๊อป แล้วเกิดความรู้สึกอยากเอาหมาแมวของตัวเองมาใช้บริการ ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวนั้นอยู่คนละจังหวัดเลยก็มี
ทำเอาช่างท๊อปต้องห้ามไว้ไม่ให้ถ่อกันมา เพราะมีความเสี่ยงสูงที่หลายคนจะมาแล้วเสียเที่ยว
ในที่นี่ไม่ได้หมายความว่า คิวเต็มหรือช่างไม่อยู่ แต่มาจากการที่สัตว์เลี้ยงไม่เคยเข้าร้านอาบน้ำตัดขนมาก่อน เพราะการจะใช้บริการร้านเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องพาเหล่าหมาแมวมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวน้อย หากคิดแค่ชื่นชอบแล้วอยากมาใช้บริการ โดยที่สัตว์เลี้ยงไม่เคยเข้าร้านอาบน้ำตัดขนแม้แต่ครั้งเดียว ช่างก็คงต้องขอห้ามไว้ก่อนว่า อย่ามา
เพราะแม้แต่ช่างเองก็ไม่สามารถการันตีให้ได้ว่า จะทำได้ไหม
บางตัวในคลิปเข้ามาใช้บริการตั้งแต่เด็กยังดุขนาดนั้น ยังดื้อขนาดนี้ แล้วคนที่ไม่เคย-ดีไม่ดีจะยิ่งไปกันใหญ่
แต่ถ้าตัวไหนถูกพาเข้าร้านอาบน้ำตัดขนเป็นประจำอยู่แล้ว และต้องการมาใช้บริการของช่างท๊อป อันนี้ก็ยังพอทำเนา แต่ก็คงต้องคุยรายละเอียดกันหลายยก
“เราจะถามตั้งแต่หมาพันธุ์อะไร อายุเท่าไหร่ เข้าร้านเป็นประจำตั้งแต่เด็กไหม คือเราจะถามหมดเลย ถ้าเราไม่ถามรายละเอียดเยอะ ๆ เขาอาจจะมาเสียเที่ยว”
กระนั้นเอง ช่างท๊อปก็ไม่ได้มองว่า สิ่งเหล่านี้เป็นข้อเสียจากการเป็นคนดังแต่อย่างใด เพราะมันก็ยังอยู่ในระดับภาวะที่เขารับมือได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออะไรหลาย ๆ อย่างรอบตัว แม้ว่าบางครั้งลูกค้าจะชอบมาขอให้ถ่ายคลิประหว่างกำลังตัดขนหมาแมวที่พวกเขานำมาก็ตาม
ซึ่งช่างก็ต้องบอกไปตามตรงว่า “เราให้ไม่ได้”
สาเหตุนั้นมาจากช่างไม่ได้ถ่ายคลิปเป็นประจำทุกตัว ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากเหตุการณ์ซึ่ง ๆ หน้า แล้วแต่สถานการณ์และความว่าง ไม่มีการจัดวาง ไม่มีการตัดต่อ มีเพียงความรู้สึกว่า “โอ้ มันน่ารักจังวะ” จึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตั้งกล้องถ่ายสัก 1-2 นาที เพื่อแบ่งปันความน่ารักนี้ให้ผู้อื่นได้ชื่นชมไปพร้อม ๆ กัน
“หมาแมวบางตัวมาที่ร้านคือทำคลิปบ่อย จนเจ้าของมีความรู้สึกว่า เขารักหมาแมวเขามากกว่าเดิม เพราะว่าความน่ารักบางมุมคือเขาพึ่งมาเห็นกับร้านเรา”
พอเอ่ยถึงประเด็นการถ่ายคลิป เราเลยลองถามช่างท๊อปดูว่า ถ้าไม่ได้ดังจากคลิปน้องลูกจันจนกลายเป็นช่างงานรัดตัวประหนึ่ง Influencer จะเป็นยังไง
เขาตอบเรามาอย่างติดตลก “ตอนนี้น่าจะตัดขนเยอะกว่าเดิมนะครับ”
ในฐานะช่างอาบน้ำตัดขนหมาแมว เขาใช้เวลาครุ่นคิดไม่น้อยเมื่อถูกถามความเห็นเกี่ยวกับวาทกรรม การให้ข้าวหมาแมวจรคือความเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่ง
แต่ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมโดยสมบูรณ์ ช่างท๊อปก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ไม่เกี่ยวกับการเห็นแก่ตัวเลยครับ”
ซึ่งประโยคเพียงแค่นั้นก็มากพอที่จะสรุปใจความที่เขาตั้งใจจะสื่อต่อจากนี้ได้อย่างครบครัน เพราะเขามองว่า มันไม่มีทางเลยที่คนคนหนึ่งจะสามารถรับเลี้ยงสัตว์จรจัดที่พบเห็นได้ทุกตัว หรือบางทีอาจอยู่รวมกันเป็นฝูง
สำหรับเขา การรับเลี้ยงสัตว์ตัวหนึ่งเปรียบเสมือนภาระอันใหญ่หลวง ไม่เพียงแต่ต้องมีใจที่พร้อมดูแล แต่ต้องพร้อมสรรพไปด้วยกำลังทรัพย์ เวลาที่ยินดีสละ และสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่
“การเลี้ยงหมาตัวหนึ่งก็เหมือนเลี้ยงคนคนหนึ่ง เขาต้องอยู่กับเราตลอดชีวิต”
อย่างน้อย ๆ การได้ให้อาหารแม้เพียงมื้อเดียว มันก็ดีกว่าการปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นหิวโซด้วยความทรมาน ดีกว่าปล่อยให้มันตายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เราเลือกจะไม่ทำอะไรสักอย่างเลย หรือกระนั้นเอง การเลือกไม่ทำอะไรเลยก็เห็นจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในบางแง่มุม
ช่างท๊อปได้เสริมปิดท้ายว่า “คนที่เลี้ยงแล้วเอาไปปล่อย พวกนี้ต่างหากคือ เห็นแก่ตัว”
ฉะนี้เอง ในฐานะช่างอาบน้ำตัดขนหมาแมว ช่างท๊อปจึงอยากฝากฝังถึงคนที่ทั้งกำลังเลี้ยงสัตว์และกำลังคิดว่าจะเริ่มเลี้ยงสักตัว
หากกำลังเลี้ยงอยู่ ก็จงพยายามดูแลเอาใจใส่เขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้
หากกำลังคิดว่าอยากจะเริ่มเลี้ยงสัตว์สักตัว ก็จงศึกษาหาข้อมูลให้ครบถ้วน ศึกษาหมาแต่ละสายพันธุ์ แมวแต่ละสายพันธุ์ให้ดี และไตร่ตรองกับตัวเองให้ดีเช่นกันว่า เราชอบจริงรึเปล่า และเราจะรักเขาจริง ๆ รึเปล่า กระทั่งตรวจสอบตัวเองให้แน่ใจแล้วว่า ไม่ได้แพ้ขนสัตว์
“บางคนไม่รู้ว่าตัวเองแพ้ขนสัตว์ พอว่าเลี้ยงไปแล้ว เอ้า กูแพ้ขนสัตว์ ต้องเอาไปปล่อย หรือว่าเอาไปให้คนอื่น”
การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นการผลักภาระให้ผู้อื่น แต่ยังเป็นการบั่นทอนสภาพจิตใจของสัตว์เลี้ยง เพราะหมาและแมวจะจำได้ว่า ใครคือเจ้าของของมัน และมันก็รักคนคนนี้ไปแล้ว มันรักเราไปเรียบร้อยแล้ว
ท้ายที่สุด ในฐานะช่างอาบน้ำตัดขนหมาแมวย่อมต้องให้คำแนะนำเกี่ยวกับการอาบน้ำสัตว์เลี้ยง
ถ้าเป็นไปได้ สำหรับหมาควรอาบอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการอาบเองที่บ้านหรือพามาที่ร้าน
ในส่วนของแมวนั้น แค่เดือนละครั้งตามเห็นสมควร เพราะแมวจะเลียขนเพื่อเป็นการทำความสะอาดตัวเองอยู่แล้ว นอกจากนี้การอาบน้ำให้แมวเยอะจนเกินไปอาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจของแมวได้
แต่ถ้าเหล่าสัตว์เลี้ยงดันไม่อยากอาบน้ำขึ้นมา ช่างท๊อปก็บอกได้แค่ว่า สิ่งเหล่านี้มันไม่มีวิธีตายตัวในการจับเหล่าหมาแมวจอมซนมาอาบน้ำ สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ ทำให้เขาเชื่อใจ
“พูดดี ให้เวลา ปรับตัวเข้าหา แล้วก็ทำให้เขาเชื่อใจเราให้ได้ การที่หมาแมวไม่อยากอาบน้ำ บางตัวไม่ใช่ว่า เขาไม่ชอบน้ำ เขาแค่ไม่ไว้ใจ ยังไงก็อาบได้ครับ”