กรมชลประทาน ขานรับข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำชับโครงการชลประทานทุกแห่ง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง หลังกรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักและฝนตกสะสมกว่า 40 จังหวัด รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย.นี้ พร้อมสั่งระดมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนบน ฉบับที่ 4 (321/2565) ได้คาดการณ์ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งเกาะบอร์เนียวมีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ตอนล่าง และจะมีกำลังแรงขึ้น คาดว่า จะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน ในวันที่ 21-22 พ.ย. 65 และเข้าสู่อ่าวไทย ในวันที่ 23-24 พ.ย. 65 ขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณปลายแหลมญวน จะส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว จึงได้สั่งการให้กรมชลประทาน เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
สำหรับพื้นที่เสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งและฝนตกสะสม ในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. 65 นี้ ได้แก่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์
ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี ตรัง และสตูล
นายประพิศกล่าวว่า ให้โครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยงทุกโครงการ เฝ้าระวังระดับน้ำทั้งแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ และกำชับให้มีการตรวจสอบอาคารชลประทาน ตลอดจนแนวคันกั้นน้ำต่าง ๆ ให้มีความมั่นคงแข็งแรงพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมทั้งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานแจ้งเตือนประชาชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือน้ำหลาก พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้สำนักเครื่องจักรกล จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เครื่องผลักดันน้ำ ประจำจุดพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถนำไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที