วันแรกเปิดรร.ป่วยอื้อ ครู-นักเรียน3จว.วุ่นคลัสเตอร์ลามชุมชนสธ.ยืนยัน

สธ.ยืนยัน ซิโนแวค 1.5 ล้านโดสที่อยู่ในสต๊อกยังไม่หมดอายุ นัดถกสัปดาห์นี้ฉีดให้เด็ก 3 ขวบ พอใจผลฉีดวัคซีนให้เด็ก 5-11 ขวบ กลุ่ม 7 โรคเสี่ยงอาการปกติ ไม่มีใครแพ้รุนแรง ยอดป่วย โควิดยังพุ่ง 7,422 ตาย 12 ขณะที่ 6 จังหวัดยังป่วยเกินร้อย ต่างประเทศเดินทางเข้าไทยติดเชื้อ 261 คน ศูนย์ฉีดบางซื่อ เริ่มวันแรกฉีดเข็ม 3 และ 4 วันละ 3 หมื่นคนที่จองคิวล่วงหน้า ทั้งแอสตร้าฯ และไฟเซอร์ แห่ลงคนละครึ่ง เฟส 4 วันแรก 16.93 ล้านคน ลำปาง-แพร่-โคราช อ่วม เปิดเรียนออนไซต์ วันแรก ครู-นักเรียนป่วยอื้อ เร่งคุมเชื้อ หวั่นลามชุมชน

โควิดเพิ่มอีก7,422-ตาย12

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 7,422 ราย สะสม 2,447,964 ราย หายป่วย 8,715 ราย สะสม 2,342,765 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย สะสม 22,185 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 83,014 ราย มีอาการหนัก 557 ราย และ ใส่เครื่องช่วยหายใจ 107 ราย

ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 9 ราย หญิง 3 ราย อายุ 51 – 96 ปี ค่ากลางอายุ 84 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว 100% มาจาก 8 จังหวัด ได้แก่ กทม. กาฬสินธุ์ จังหวัดละ 3 ราย, นนทบุรี ขอนแก่น อำนาจเจริญ น่าน พังงา และราชบุรี จังหวัดละ 1 ราย

ส่วน 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 1,254 ราย 2.สมุทรปราการ 780 ราย 3.นนทบุรี 478 ราย 4.ชลบุรี 391 ราย 5.ภูเก็ต 385 ราย 6.นครราชสีมา 190 ราย 7.ศรีสะเกษ 150 ราย 8.เชียงใหม่ 133 ราย 9.ปทุมธานี 131 ราย และ 10.อุบลราชธานี 128 ราย

ป่วยเกิน100เหลือ6จว.

สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 6 จังหวัด คือ ขอนแก่น 127 ราย, นครศรีธรรมราช 123 ราย, นครปฐม 118 ราย, พระนครศรีอยุธยา 113 ราย, หนองคาย 106 ราย และสระบุรี 101 ราย ส่วนติดเชื้อเพียงหลักหน่วยมี 10 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ 9 ราย, ลำปาง 9 ราย, ยะลา 8 ราย, กำแพงเพชร 7 ราย, พะเยา 6 ราย, อ่างทอง 6 ราย, นราธิวาส 5 ราย, อุทัยธานี 5 ราย, แม่ฮ่องสอน 4 ราย และสตูล 3 ราย

จากต่างประเทศ 261 ราย

ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำ 28 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 261 ราย ใน 49 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย 117 ราย, คาซัคสถาน 30 ราย, ยูเครน อังกฤษ ประเทศละ 9 ราย, สหรัฐอเมริกา 8 ราย, อิสราเอล 7 ราย, เอสโตเนีย 6 ราย, เยอรมนี 5 ราย, ฝรั่งเศส โอมาน สวีเดน ออสเตรเลีย ประเทศละ 4 ราย, เบลเยียม อินเดีย ประเทศละ 3 ราย นอกจากนี้ พบติดเชื้อ 2 ราย ใน 13 ประเทศ และติดเชื้อ 1 รายใน 7 ประเทศ โดยเข้าระบบ Test&Go 9 ราย แซนด์บ็อกซ์ 229 ราย ระบบกักตัว 22 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 1 ราย

ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค.2565 รวม 189,193 ราย ติดเชื้อ 7,062 ราย คิดเป็น 3.73% มาจากระบบ Test&Go 70,704 ราย ติดเชื้อ 2,693 ราย คิดเป็น 3.81% แซนด์บ็อกซ์ 83,825 ราย ติดเชื้อ 3,608 ราย คิดเป็น 4.3% และกักตัว 34,664 ราย ติดเชื้อ 761 ราย คิดเป็น 2.2%

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. ฉีดได้ 202,944 โดส สะสมรวม 115,256,516 โดส เป็นเข็มแรก 52,331,058 ราย คิดเป็น 75.2% ของประชากร เข็มสอง 48,635,307 ราย คิดเป็น 69.9% ของประชากร และเข็มสาม 14,290,151 ราย คิดเป็น 20.5% ของประชากร

ศูนย์บางซื่อฉีดเข็ม4วันแรก

ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง และผอ.ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อจัดฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 3 และเข็ม 4 วันละ 3 หมื่นคน ด้วยการจองคิวล่วงหน้า โดยผู้ที่เคยฉีดวัคซีนที่ศูนย์ เราจะส่งข้อความและการนัดหมายวันละ 1.5 หมื่นคน และเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนฉีดผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออีก 1.5 หมื่นคน จาก 4 เครือข่าย ได้แก่ เอไอเอส ทรู ดีแทค และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ซึ่งการฉีดมีความราบรื่น ไม่เกิดความแออัด

สำหรับวัคซีนเข็ม 4 เราเปิดให้บริการเป็นวันแรกกับประชาชนทั่วไปที่ฉีดสูตรซิโนแวค 2 เข็มแรก ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า และสูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ โดยผู้ที่จะรับเข็ม 4 จะต้องมีระยะห่างจากเข็ม 3 อย่างน้อย 3 เดือน โดยเลือกเข็ม 4 เป็นแอสตร้าเซนเนก้าหรือไฟเซอร์ได้ รวมทั้งให้เลือกได้ว่าจะฉีดไฟเซอร์เต็มโดส 30 ไมโครกรัม หรือครึ่งโดส 15 ไมโครกรัม หรือจะเลือกฉีดแบบเข้าชั้นผิวหนัง 10 ไมโครกรัม ตามความสมัครใจและอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ แต่การฉีดวัคซีนของศูนย์จะยึดหลักการฉีดเต็มโดสอยู่

ส่วนการฉีดวัคซีนเด็กอายุ 5-11 ขวบ พญ.มิ่งขวัญกล่าวว่า จะใช้วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม ซึ่งการฉีดวัคซีนในกลุ่มนักเรียนเน้นการฉีดโรงเรียนเป็นฐาน ส่วนที่ศูนย์ฉีดบางซื่อจะช่วยฉีดเด็กที่ไม่ได้อยู่ในระบบโรงเรียน เช่น เด็กเรียนระบบโฮมสคูล, เด็กนอกระบบโรงเรียน หรือเด็กในระบบที่ไม่ได้ไปฉีดในวันที่โรงเรียนกำหนด เช่น อาจเป็นไข้ โดยเปิดลงทะเบียนจองคิวผ่านระบบเครือข่าย 4 ค่าย วันที่ 8 ก.พ. เริ่มฉีด 10 ก.พ. วันละ 5,000 คน เพื่อแบ่งเบาภาระการฉีดเด็กปกติ

ฉีดเด็ก5-11ขวบไม่แพ้รุนแรง

ด้านนพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (ร.พ.เด็ก) กล่าวถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุ 5-11 ขวบ ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ซึ่งคิกออฟฉีดวันแรกที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ เป็นวันแรก เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า มีผู้ปกครองสมัครใจพาเด็กมารับวัคซีน 150 กว่าคน ซึ่งเรามีการติดตามอาการที่เกิดขึ้นภายหลังการฉีด โดยให้ผู้ปกครองรายงานเข้ามาผ่านระบบที่สถาบันวางไว้ ก็พบว่าทุกรายปกติดี บางส่วนมีอาการไข้ ปวดบริเวณที่ฉีดเล็กน้อยซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้เหมือนในผู้ใหญ่ และยังไม่พบอาการสำคัญอะไรที่น่ากังวลใจ ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดสถานที่ฉีดใช้ห้องตรวจคนไข้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว ไม่ให้เด็กเกิดความเครียด กลัว กังวล จนไม่อยากฉีด จึงจัดบริการทุกวันไม่ได้ เพราะมีการตรวจปกติอยู่ จึงพยายามฉีดให้เด็กในวันที่ห้องหรือสถานที่ว่าง น่าจะเป็นวันพฤหัสฯ หรือวันศุกร์นี้ ซึ่งรองรับการฉีดสูงสุดวันละ 500 คน เรายังมีระบบคิวอาร์โค้ดในการลงทะเบียนออนไลน์ ซึ่งเคยใช้ในเด็กอายุ 12-17 ปีมาก่อน ก็จะใช้ระบบนี้ลงทะเบียนด้วย โดยย้ำบริการฉีดเฉพาะลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้าและนัดหมายมาฉีด ยังไม่มีการเปิดวอล์กอิน

ถกสรุปฉีดซิโนแวคให้3ขวบ

ส่วนกรณีคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เห็นชอบคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม โดยให้ฉีดวัคซีน ซิโนแวคในกลุ่มเด็กอายุ 3-17 ปีได้ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติทะเบียนขยายช่วงอายุการฉีดแล้ว ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า สธ.พร้อมจะนำมาฉีดทันที หลังผ่านการอนุมัติแล้ว

วันเดียวกัน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการอย. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามปกติการพิจารณาอนุมัติทะเบียนจะใช้เวลา 30 วันหลังยื่นข้อมูล แต่การพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนจะใช้เวลาเร็วกว่า คือประมาณ 14 วัน ขณะนี้ผู้รับอนุญาตนำเข้า คือองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ส่งข้อมูลเพิ่มเติมตามที่อย.ขอมาแล้วประมาณ 10 วัน ซึ่งก็จะนัด ผู้เชี่ยวชาญประชุมหารือพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ หากอนุมัติก็จะยื่นเรื่องให้เลขาธิการอย.ลงนาม ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นาน หลังอนุมัติแล้วทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นผู้ซื้อก็จะดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังจุดฉีดต่อไป

ยันกว่าล้านโดสยังไม่หมดอายุ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงการอนุมัติให้ฉีดวัคซีนซิโนแวคในเด็กช่วงอายุ 3-17 ปี ก็จะมีวัคซีนฉีดได้ทันทีหรือไม่ และมีข้อกังวลเรื่องวัคซีนหมดอายุว่า วัคซีนซิโนแวค มีอายุการใช้งาน 6 เดือน ตามที่ อย. ไทยอนุมัติใช้ ซึ่งวัคซีนซิโนแวคของเดิมเรายังมีอยู่และไม่หมดอายุ ซึ่งกระจายอยู่ในส่วนภูมิภาคแต่ละจังหวัด และมีที่ประเทศจีนบริจาค จำนวน 1.5 ล้านโดส ครั้งที่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ทั้งนี้ ตัวเลขคงเหลือที่ชัดเจนต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่มีมากกว่า 1 ล้านโดส คาดว่าเพียงพอ ยังไม่ต้องสั่งซื้อเพิ่ม เพราะเด็กอายุ 3-5 ขวบมีจำนวนไม่มาก ทั้งยังมีวัคซีนไฟเซอร์ที่ฉีดเด็ก 5 ปีขึ้นไปได้ด้วย

ยืดลดเงินสมทบม.40

วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบขยายระยะเวลาการลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ.-31 ก.ค.2565 โดยมีอัตราส่งเงินสมทบภายหลังปรับลดทั้ง 3 ทางเลือก ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอดังนี้

1.ลดเงินสมทบเหลือ 42 บาท จากเดิม 70 บาท โดยได้ประโยชน์ทดแทนใน 3 กรณี คือ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต 2.ลดเงินสมทบเหลือ 60 บาท จากเดิม 100 บาท โดยได้ประโยชน์ทดแทนใน 4 กรณี คือ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต และชราภาพ และ 3.ลดเงินสมทบเหลือ 180 บาท จากเดิม 300 บาท โดยได้ประโยชน์ทดแทนใน 5 กรณี คือประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และสงเคราะห์บุตร

กลางปีเปิดลงบัตรคนจน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และเห็นชอบร่างประกาศ คกก. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงาน และความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มตกหล่นให้สามารถเข้าถึงโครงการโดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ประมาณ 20 ล้านคน คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการเดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่ โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนกลางปีนี้ คาดว่าเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 โดยมีกรอบวงเงิน 564.455 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียน และการยืนยันตัวตน 164.274 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียน ของหน่วยรับลงทะเบียน 400.181 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการและปัญหาผู้มีบัตรที่ไม่ควรได้รับสิทธิ ทั้งนี้ จะมีการเปิดรับลงทะเบียน ตาม โครงการฯอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และจะมีการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งอีกด้วย

สำหรับผู้ได้รับสิทธิจากโครงการ ปี 2565 จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรสวัสดิการเนื่องจากบัตรสวัสดิการที่ได้เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนต.ค.2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี และจะหมดอายุในเดือนก.ย.2565 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตบัตรสวัสดิการใหม่ ประมาณ 1,258 ล้านบาท อีกทั้ง ลดปัญหาเรื่องการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนหรือการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้ สิทธิแทน และช่วยลดการทุจริต เช่น กรณีร้านค้าเก็บบัตรสวัสดิการไว้เอง

แห่จองเราเที่ยวด้วยกัน

นายธนกรกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ที่เริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งแต่ 1 ก.พ. เป็นวันแรกของการกดรับยืนยันและการใช้จ่ายสิทธิโครงการ ทางธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้เตรียมความพร้อมสำหรับระบบการโอนเงินต่างธนาคารเพื่อโอนเข้า จี-วอลเล็ตแล้ว ซึ่งจะได้รับสนับสนุนวงเงินค่าสินค้าหรือบริการที่กำหนดในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ ระยะที่ 4 ช่วงระหว่างวันที่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.2565 โดยโครงการคนละครึ่ง ถือเป็นมาตรการที่ครองใจประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม

ด้านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ที่เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิเป็นวันแรกเช่นกัน มีผู้จองสิทธิเข้าร่วมโครงการคึกคัก เริ่มวันแรก ณ เวลา 14.45 น. ใช้สิทธิไปแล้ว 36,002 สิทธิ เหลืออีกจำนวน 1,963,998 สิทธิ โดยโครงการนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31 พ.ค.2565 จำนวน 2 ล้านสิทธิ ประชาชนที่เคยลงทะเบียนโครงการ เฟส 1, 2 และ 3 แล้ว ให้กดรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บนแอพฯ เป๋าตัง โดยจะได้รับสิทธิส่วนลดค่าห้อง 40% ของราคาห้องพักแต่ไม่เกิน 3,000 บาท/คืน/ห้อง สิทธิทั้งหมดจะได้รับจํานวน 10 สิทธิ/ห้อง ทุกสิทธิจะได้รับคูปองอาหาร 600 บาท/วัน และรับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบินสูงสุด 3,000 บาท

กดรับคนละครึ่งแล้ว 16.93 ล.

นายพรชัย ฐีระเวช ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ซึ่งประกอบด้วยโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ได้เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายวันแรกตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ซึ่งพบว่าในการใช้จ่ายวันแรก ณ เวลา 16.00 น. มีผู้ใช้สิทธิ์ทุกโครงการรวม 5.44 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 1,132.44 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้

1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 2.89 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 573.54 ล้านบาท 2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 1.47 แสนราย มียอดการใช้จ่ายรวม 57.66 ล้านบาท และ 3.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 2.4 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายรวม 501.24 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 253.43 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 247.81 ล้านบาท โดยมีประชาชนที่กดยืนยันเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 16.93 ล้านราย

ททท.แจงเพิ่มตรวจรับเที่ยว

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การเปิดประเทศรอบใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป ตั้งเป้าเก็บผลการตรวจ อาร์ที-พีซีอาร์ จาก ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรจำนวน 2 ครั้ง/คน ให้ได้ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ สัปดาห์นี้ได้ประชุมทำความชี้แจงกับผู้ประกอบการโรงแรมทั่วประเทศไปแล้ว ถึงขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าประเทศในระบบไทยแลนด์ พาส ซึ่งต่อไปโรงแรมจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยยืนยัน บุ๊กกิ้งที่นักท่องเที่ยวกรอกเข้ามาในระบบ ซึ่งเรียกว่า Thailand Pass Hotel & Swap System (ทีพีเอชเอส)

ทั้งนี้ กรอกทีพีเอชเอส มีเวลาหลังจากได้รับข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศ ในการตอบกลับภายใน 30 ชั่วโมง ผู้ลงทะเบียนจึงสามารถได้รับการอนุมัติให้เข้าประเทศ หากไม่มีการยืนยันหรือปฏิเสธยอดจองดังกล่าว ระบบจะปฏิเสธการลงทะเบียนดังกล่าวโดยอัตโนมัติทันที

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ระบบทีพีเอชเอส ได้รับการออกแบบเพื่อจุดมุ่งหมาย 3 ประการ คือ เพื่อติดตามนักท่องเที่ยวและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ให้เกิดประสิทธิผล

สำหรับการเพิ่มเกณฑ์ให้ผู้เดินทางเข้ามาต้องจองโรงแรมเพื่อรับการตรวจครั้งที่สองในวันที่ 5 ของการเดินทาง และอาจทำให้ชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักถาวร ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาไปแล้ว อาจไม่สะดวกในการหาโรงแรม SHA Extra Plus ที่มีบริการตรวจโควิดด้วยนั้น ขอยืนยันว่าปัจจุบัน โรงแรมที่ได้รับมาตรฐานและมีบริการ ดังกล่าว มีอยู่ถึง 2,247 แห่งใน 39 จังหวัด หรือหมายความว่า ในทุกๆ สองจังหวัดจะต้องมีโรงแรมอย่างน้อยหนึ่งจังหวัด หากผู้เดินทางไม่สามารถหาโรงแรมและบริการตรวจในพื้นที่ของตน ก็เดินทางไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้

เอกชนจี้รัดกุมตรวจโควิด

ด้านนายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการแทนประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชลบุรี กล่าวว่า การเพิ่มขั้นตอนระบบทีพีเอชเอส จะทำให้โรงแรมมีภาระเพิ่มในการติดตามบุ๊กกิ้ง และต้องจัดสรรทีมงานเพิ่มเติมเพื่อช่วยยืนยันตอบกลับไปยังระบบไทยแลนด์พาส ตามเวลาที่กำหนด 30 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวเป็นไปเพื่อยืนยันการจองบริการตรวจของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ต้องยอมรับว่า หากกรณีที่ถึงเวลาแล้ว นักท่องเที่ยวยังไม่เดินทางมาเช็กอินตามที่กำหนด จะมีวิธีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

ในช่วงเดือนพ.ย. มีการเปิดใช้ระบบเทสต์แอนด์โกครั้งแรก ภาคเอกชนได้รายงานปัญหาที่พบเจอบ่อยครั้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะความไม่เชื่อมโยงกันระหว่างระบบหลังบ้านของ 3 หน่วยงาน และบางกรณีเป็นระบบที่ไม่มีความรัดกุม ทำให้มีกรณีหลุดลอด เช่น นักท่องเที่ยวไม่ได้จองโรงแรมพร้อมกับการตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ แต่ได้รับ อนุมติ จนเดินทางมาได้ถึงสนามบิน แต่กลับไปไหนต่อไม่ได้ เพราะไม่ได้จองรถโดยสารและโรงแรมไว้ รวมถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ไม่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหมอชนะได้ เนื่องจากติดขัดทางเทคนิค ดังนั้น ภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบครั้งนี้ จึงหวังว่าปัญหาติดขัด จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อประสบการณ์เดินทางของนักท่องเที่ยว

อนุบาลลำปางป่วยแล้ว11

ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.ลำปาง และ นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลำปาง แถลงว่า พบผู้ป่วยใหม่อีก 56 ราย ส่วนคลัสเตอร์ โควิดที่โรงเรียนอนุบาลลำปาง อ.เมือง ที่พบ ผู้ป่วยแล้ว 11 ราย จากรายแรก พบเมื่อวันที่ 28 ม.ค. เป็นเด็กนักเรียนชาย เดินทางไปโรงเรียนแล้วมีอาการไข้ ส่วนรายที่ 2 นักเรียนชาย เป็นเพื่อนห้องเดียวกับผู้ป่วยรายแรก จากการสอบสวนโรคได้ดำเนินการคัดกรอง พบ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด 71 ราย ตรวจพบเชื้อ 9 ราย รวมผู้ป่วยในคลัสเตอร์นี้ 11 ราย ทั้งหมดเข้ารับการรักษาแบบโฮม ไอโซเลชั่น (เอชไอ) ส่วนกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 62 ราย ได้ให้แยกกักตัวอย่างเคร่งครัด 14 วัน และนัดตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 3 ก.พ. และครั้งที่ 3 วันที่ 8 ก.พ. โดยทางโรงเรียนได้ทำความสะอาดห้องเรียนและปิดห้องเรียนแล้ว และให้เรียนผ่านระบบออนไลน์ที่บ้าน รวมถึงให้ครูประจำชั้นเรียนได้เฝ้าระวังอาการนักเรียนด้วย หากพบว่ามีอาการให้รีบไปพบแพทย์ทันที

นร.แพร่ติดเชื้อ 29

ส่วนกรณีที่สื่อโซเชี่ยลได้โพสต์ขอความช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านไร่หลวง ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ สังกัด สพป.แพร่ เขต 2 ว่ามีผลการตรวจแอนติเจน เทสต์ คิต (เอทีเค) เป็นบวก รวม 29 คน เมื่อวันที่ 30 ม.ค. แยกเป็นนักเรียนชั้น ป.1 จำนวน 9 คน, ป.2 จำนวน 2 คน, ป.3 จำนวน 1 คน, ป.4 จำนวน 2 คน, ป.5 จำนวน 5 คน, ป.6 จำนวน 2 คน, ม.1 จำนวน 5 คน และ ม.2 จำนวน 1 คนนั้น

ดร.ปฐมพงษ์ ดอกแก้ว ผอ.สพป.แพร่ เขต 2 กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเรื่องนี้จากนายเกียรติศักดิ์ ชัยยาณะ ผอ.โรงเรียนบ้านไร่หลวง สพป.แพร่ เขต 2 ได้รีบประสานโรงเรียนทันที เพื่อให้ปรับรูปแบบการเรียนการสอนเป็นออนแฮนด์ และออนไลน์แทน และกำชับให้ยึดมาตรการควบคุมโควิดของสธ.อย่างเคร่งครัด

ภูเก็ตป่วยยังพุ่ง 601 ราย

ด้าน สสจ.ภูเก็ตรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 601 ราย จากในจังหวัด 385 ราย และแซนด์บ็อกซ์ 216 ราย ทั้งนี้ จากการตรวจเชิงรุก เอทีเค ใน อ.เมือง 253 ราย พบ 84 ราย และ อ.กะทู้ 58 ราย พบ 35 ราย สรุปพบ ผู้เข้าข่ายรายใหม่ตรวจเชิงรุก 119 ราย ยอดคงเหลือของผู้เข้าข่ายกักตัว 647 ราย

ครู-น.ร.โคราชป่วยอื้อ

ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) กุดจิก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา นายภัทรพล บัญชาจารุรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบล (ทต.) กุดจิก นายศิริศักดิ์ ปราชญ์ศรีภูมิ ผู้อำนวยการ รพ.สต.กุดจิก และบุคลากรสาธารณสุข ร่วมตรวจคัดกรอง เอทเค กลุ่มเสี่ยงทั้งครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านกุดจิก (รัชชุศิริอนุกูล) จำนวน 60 ราย เบื้องต้นพบนักเรียนมีผลบวก 3 ราย เตรียมนำส่งร.พ.สูงเนิน เพื่อตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ ยืนยันผลติดเชื้อ

นายภัทรพลกล่าวว่า จากการที่พบผู้ป่วยรายแรกเป็นครูหญิง โรงเรียนบ้านกุดจิก มีอาการไม่สบาย จึงซื้อเอทีเคมาตรวจ ผลติดเชื้อ สอบสวนโรคมีภูมิลำเนา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และมีประวัติสัมผัสเพื่อนครูและนักเรียน ทต.กุดจิก และรพ.สต.กุดจิก จึงลงพื้นที่ค้นหากลุ่มเสี่ยงตรวจ เอทีเคพบติดเชื้อ 20 ราย และเชื้อแพร่กระจายในพื้นที่ 4 ตำบล ตามที่อยู่ของครูและนักเรียนประกอบด้วย ต.กุดจิก ต.นากลาง ต.บุ่งขี้เหล็กและ ต.สูงเนิน อ.สูงเนิน ผู้ป่วยสะสม 23 ราย เป็นครูและ ผู้ปกครอง 5 ราย และนักเรียน 18 ราย ส่งกักตัวกลุ่มเสี่ยงตามมาตรการ 52 ราย รวมทั้งสั่งปิดโรงเรียนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ขณะที่ผู้ป่วยใหม่ของจังหวัด พบอีก 158 ราย เป็นการติดเชื้อนอกพื้นที่ 11 ราย และในพื้นที่ 147 ราย

คึกคักเปิดเรียนออนไซต์

ส่วนบรรยากาศเปิดเรียนแบบออนไซต์เต็มรูปแบบวันแรกในจ.นครราชสีมา เต็มไปด้วยความคึกคัก หลังจากที่ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้โรงเรียนทั่วประเทศ เปิดเรียนออนไซต์ 100% ในวันที่ 1 ก.พ. โดยที่โรงเรียนสุขานารี 2 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีผู้ปกครองต่างพาบุตรหลานของตนมาส่งที่หน้าโรงเรียน

เกาะช้างพร้อมรับเที่ยว

ด้านนายสักศิษฎ์ มุ่งการ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เป็นต้นไป อ.เกาะช้าง ได้เปิดการท่องเที่ยว (Koh Chang together) ในทุกรูปแบบ 1.แซนด์บ็อกซ์ 7 วัน 2.เทสต์แอนด์โก และ 3.โดเมสติก ซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกประเทศทุกชาติ โดยห้องพัก โรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA extra plus เกือบ 4,000 ห้อง มีร้านอาหาร SHA +และได้ Covid free setting รวมทั้งจำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ถึง 23.00 น. ทั้งนี้ มีโรงแรมกักตัว ที่รับมือสำหรับนักท่องเที่ยวที่เสี่ยงสูง และโฮเทล ไอโซเลชั่น สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการรุนแรงด้วยที่พักโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล โดยโรงแรมของเกาะช้างมี 45 แห่งที่ผ่านมาตรฐาน SHA เอ็กซ์ตร้าพลัส ก่อนหน้านี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวจองห้องพักมาที่อำเภอเกาะช้างเพื่อพักผ่อนในช่วงหน้าหนาวของต่างประเทศบ้างแล้ว คาดว่านับจากเดือนนี้เป็นต้นไปจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศใน 2 รูปแบบเดินทางเข้ามากขึ้น

“ตอนนี้เกาะช้างพร้อมทุกด้าน ยกเว้นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่เดินทางมาเท่านั้น ที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนจำนวนมาก แต่ปีนี้เงียบมาก ทางสภาอุตสาหกรมท่องเที่ยวจ.ตราด จึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ และทำการตลาดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ทางสภาอุตสาหกรรม จ.ตราด ร่วมกับจ.ตราด ท่องเที่ยวและกีฬาตราดและททท.สำนักงานตราด จะจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอเมืองตราดในวันวาเลนไทน์ ที่ 14 ก.พ. ที่เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาที่เกาะช้างด้วย” นายสักศิษฎ์กล่าว

เล็งผนึกเที่ยวเกาะกง

นายสักศิษฎ์กล่าวต่อว่า หลังจากมีการเปิดเกาะช้างแล้ว จะเปิดการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ที่อ.เกาะกูดในอนาคต ซึ่งเป็นพื้นที่บลูโซนแล้ว แต่ยังไม่มีความพร้อมเรื่องสาธารณสุขในพื้นที่ โดยนายอำเภอเกาะกูดกำลังเร่งดำเนินการ นอกจากนี้ที่อำเภอคลองใหญ่ ทางศบค.ได้ให้ทางจ.ตราดส่งเรื่องให้พิจารณาเพื่อเปิด “บับเบิล” กับจ.เกาะกง ประเทศกัมพูชาด้วย ทำให้มั่นใจว่านับจากนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเกาะช้างและเกาะกูดตลอดจนถึงช่วงสงกรานต์และช่วงเดือนพ.ค.นี้

ลพบุรีจี้ฉีดเข็มแรก

ที่รพ.สต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ทางสสจ.ลพบุรี ได้สั่งการให้ทาง รพ.สต.ทุกแห่ง สำรวจว่ามีประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิดเข็มแรกในพื้นที่มากน้อยแค่ไหน พร้อมกับให้เร่งฉีดวัคซีนให้เป็นการด่วน รวมทั้งฉีดเข็มที่ 3 ด้วย

อ่างทองลุยฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก

นายวีระศักดิ์กล่าวว่า มีเด็กที่ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนในสัปดาห์นี้ จำนวน 1,070 คน จากจำนวนนักเรียนอายุ 5-11 ขวบ ที่ผู้ปกครองมีความประสงค์รับวัคซีน ทั้งจังหวัด จำนวน 10,550 คน คิดเป็นร้อยละ 55.67 โดยเริ่มการฉีดวัคซีนให้กับเด็กกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัวหรือเป็นกลุ่มโรคที่กุมารแพทย์พิจารณา 7 กลุ่มโรค จากนั้นสัปดาห์หน้าจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับกลุ่มเด็กทั่วไป เพื่อให้ลูกหลานชาวอ่างทองมีความปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิดให้มากที่สุด