วันนี้ (10 พ.ย.65) ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาคดีจ้างวานฆ่าหนุ่มวินจักรยานยนต์ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือหลงจู๊ชาย อายุ 56 ปี ชาว จ.ระยอง ผู้กว้างขวางย่านภาคตะวันออก และนายมนัส อิ่มนำ อายุ 41 ปี ชาว จ.ชลบุรี มือปืน เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานกระทำความผิดฐาน ร่วมกันใช้ จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติตตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุสมควร
คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15-28 ก.ค.63 นายถาวร สาระกูล และนายสุพรรณ ใหม่งาม ที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันใช้จ้างวานนายมนัส จำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ ปานทอง (หลบหนี) วางแผนฆ่านายประทุม สอาดนัก อาชีพขี่วิน จยย.รับจ้าง โดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน จ้างวานเป็นเงิน 200,000 บาท นายมนัส จำเลยที่ 2 กับพวกตกลงรับงานฆ่า ต่อมาวันที่ 28 ก.ค.63 เวลากลางวัน นายมนัสกับพวกใช้รถจักร– ยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง 1 คัน มีนายนิพนธ์เป็นคนขี่ ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้ายสะกดรอยติดตามรถจักรยานยนต์ของนายประทุมที่กำลังขี่ไปส่งผู้โดยสารหญิงในซอยพัทยาใต้ 17 หลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นนาย มนัสใช้ปืนไทยประดิษฐ์ยิงนายประทุม 1 นัด กระสุนถูกกะโหลกศีรษะด้านหลังทะลุออกบริเวณหัวตาขวาลูกตาฉีก เป็นเหตุให้นายประทุมถึงแก่ความตาย ก่อนหลบหนีไป โดยชั้นสอบสวนและชั้นศาลนายสมชายให้การปฏิเสธโดยตลอด ส่วนนายมนัส ให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยว่านายสมชาย จำเลยที่ 1 เป็นผู้จ้างวาน ให้จำเลยที่ 2 กับพวกไปฆ่าผู้ตายหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
พิพากษาว่า ส่วนนายมนัส กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต, ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 2 ปี, ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ จำคุก 1 ปี สำหรับความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ได้อีก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 ส่วนความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน และ 1 ปี 4 เดือน ตามลำดับ
แต่คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1) ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต, ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี 4 เดือน, ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 8 เดือน เมื่อรวมโทษทุกระทงแล้วคงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ริบอาวุธปืน ซองกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง ให้จำเลยที่ 2 ชดใช้เงินจำนวน 2,053,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 มิ.ย. 2564) จนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และยกคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจำเลยที่ 1 โดยออกหมายขังระหว่างอุทธรณ์
ต่อมาทนายความของนายสมชาย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เดิม ขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้นายสมชาย ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี ตีราคาประกัน 5 แสนบาท หลังจากนั้นนายสมชายได้เดินทางกลับทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสมชาย ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล 4 คดี ทั้งคดีจ้างวานฆ่า คดีร่วมกันฟอกเงิน คดีลักลอบเปิดบ่อนการพนันฯลฯ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยนายสมชายได้รับการประกันตัวทุกคดี