Chonburi Sponsored

พ่อร้องเรียน ลูกอายุ 11 ขวบ ถูกเพื่อนทำร้าย ใช้กรรไกรแทงตา แต่คู่กรณีไม่เหลียวแล

Chonburi Sponsored
Chonburi Sponsored

เช้านี้ที่หมอชิต – พ่อของเด็กชายอายุ 11 ขวบ เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน บอกว่าลูกถูกเพื่อนที่โรงเรียนใช้กรรไกรแทงเข้าที่ดวงตาตัดท่อน้ำตาขาด ผู้ปกครองของนักเรียนคู่กรณี จะจ่ายค่าทำขวัญให้เพียง 4,500 บาท หากไม่พอใจ ก็ให้ไปฟ้องร้องต่อศาล

พ่อของเด็กนักเรียนชายชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี โพสต์ภาพของลูกชาย นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล พร้อมกับข้อความ “กฎหมายคุ้มครองเด็กที่กระทำผิด แต่ไม่คุ้มครองเด็กผู้ถูกกระทำ นี่คืออุบัติเหตุล้อเล่นกันของเด็กไทย 4 เดือนผ่านมา คนทำไปเรียนตามปกติ คนเจ็บเข้าออกโรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่ 2 แค่ท่อน้ำตาขาดไม่บอด เอาไม่เอา 4,500 บาท ถ้าไม่เอาผ่อนเดือนละ 50 บาท ก็ไม่มีไปฟ้องเอาเลย แต่ขับรถเกือบ 2 ล้านรับส่งลูกทุกวันได้ ลูกผมบอกไม่เอาครับ ขอทำคืน ให้เพิ่มอีกแสนได้ไหมครับกฎแห่งกรรม กับกฎหมายอะไรดี”

นี่คือต้นเรื่องที่ทำให้พ่อของเด็กชายเคราะห์ร้ายเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน บอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ มีการเจรจาเรียกค่าเสียหายกับทางผู้ปกครองของนักเรียนคู่กรณี แต่คำตอบที่ได้รับ คือ คนเจ็บตาไม่บอดแค่ท่อน้ำตาขาด ขอจ่ายเพียง 4,500 บาท หากจะเอามากกว่านี้ให้ผ่อนเดือนละ 50 บาท ก็ไม่มีให้ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกับคู่กรณีได้

พ่อของเด็กชายเคราะห์ร้าย บอกว่า ทุกวันนี้ลูกชายต้องไปฉีดน้ำตาเทียมอยู่เป็นประจำ ซึ่งหมอบอกว่าต้องรักษากันในระยะยาว ขณะที่ทางโรงเรียนก็ได้มอบเงินเยียวยามาให้ 10,000 บาท และบอกว่าจะหาทางไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ส่วนทางด้านคดีความ พันตำรวจเอกถาวร นาใจเย็น ผู้กำกับการ สภ.พนัสนิคม เปิดเผยว่า ผู้ปกครองของเด็กผู้เสียหาย เพิ่งจะเข้าแจ้งความหลังจากเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันไม่ได้ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ ได้เรียกนักเรียนคู่กรณีมาสอบถาม แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา ต้องรอความเห็นจากแพทย์ ว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด เพื่อนำมาประกอบสำนวนตั้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป

Chonburi Sponsored
อำเภอ พนัสนิคม

สมัยเมืองพนัสนิคม ในปี พ.ศ. 2371 กำเนิดเมืองขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชานุญาตให้กลุ่มลาวอาสาปากน้ำมาสร้างภูมิลำเนาขึ้นในพื้นที่รกร้างระหว่างเมืองชลบุรีกับเมืองฉะเชิงเทรา พระราชทานนามเมืองว่าพนัสนิคม (บางเอกสารเขียน“พนัศนิคม”) มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ขึ้นกับกรมท่า กรุงเทพมหานคร ให้ท้าวอินทิสาร (บางเอกสารเขียน”อินทพิศาล”) หรือ ท้าวทุม ปลัดลาว เมืองสมุทรปราการ บุตรชายคนโตของท้าวไชย (บางเอกสารเขียน”ศรีวิไชย”) อุปราชเมืองนครพนม ให้เป็นเจ้าเมืองพนัสนิคมคนแรกและพระราชทานราชทินนามและบรรดาศักดิ์ที่พระอินทอาษา (บางเอกสารเขียน“อินทรอาษา, อินทอาสา, อินทราษา“) มีข้อความในพระราชพงศาวดารว่า “พวกลาวอาสาปากน้ำ ตั้งขึ้นเมื่อครั้งในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสุลาลัย ภายหลังเมื่อปีชวดสัมฤทธิศก พวกลาวไม่สบาย ขอไปตั้งอยู่ที่เมืองพระรถ จึงโปรดให้ตัดเอาแขวงเมืองชลบุรี เมืองฉะเชิงเทรา มาตั้งเป็นเมืองขึ้นชื่อเมืองพนัศนิคม เจ้าเมืองชื่อพระอินทอาษา” (พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 เล่ม 2 ของ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ฉบับคุรุสภา พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2504 หน้า 180) โดยลาวบุกเบิกเมืองพนัสนิคม เป็นลาวเมืองนครพนม อ้างถึงการอพยพมาสยามครั้งแรกนำโดยท้าวไชย อุปราชเมืองนครพนม เป็นโอรสในพระบรมราชา (ท้าวกู่แก้ว) เจ้าเมืองนครพนม (เมืองนครพนมในอดีต เป็นหัวเมืองในราชอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ ประเทศราชของสยาม) ไม่สมัครใจอยู่ในปกครองของพระบรมราชา (มัง) เจ้าเมืองนครพนมคนใหม่ จึงอพยพพาสมัครพรรคพวก บุตรหลาน ท้าวเพี้ย ขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2352 และโปรดเกล้าฯให้ตั้งบ้านเรือนอยู่คลองมหาวงษ์ เมืองสมุทรปราการ ยุคนั้นจึงเรียกคนกลุ่มนี้ว่าพวกลาวอาสาปากน้ำ แต่ทนสภาพแวดล้อมไม่ไหว เพราะเป็นชาวดอนน้ำจืด ถูกให้ไปอยู่เมืองลุ่มน้ำกร่อยและเค็ม เลยขอเปลี่ยนไปอยู่ที่อื่น ซึ่งสภาพใกล้เคียงที่ดอน ลาวนครพนมกลุ่มนี้ได้บุกเบิกสร้างเมืองพนัสนิคม